คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2864-2865/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ตามเช็ค ปรากฏว่าเช็คดังกล่าวมีการแก้ไขจำนวนเงินจาก 10,000 บาทเป็น 110,000 บาท โดยฟังไม่ได้ว่าลูกหนี้เป็นผู้แก้ไข แต่ลูกหนี้ยอมรับว่าตนเป็นหนี้ค่าผ้าเจ้าหนี้อยู่ 10,000 บาท และได้ออกเช็คฉบับดังกล่าวให้เจ้าหนี้ไว้จริง ดังนี้ แม้เช็คฉบับดังกล่าวจะเสียไปเพราะมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงในข้อสำคัญก็ตาม แต่เมื่อฟังได้ว่าลูกหนี้เป็นหนี้เจ้าหนี้อยู่อีก 10,000 บาทเช่นนี้ เจ้าหนี้ก็ย่อมมีสิทธิ์ได้รับชำระหนี้ในเงินจำนวนดังกล่าว
การที่ลูกหนี้ได้ยืมเงินและออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้เจ้าหนี้ไว้จำนวนหนึ่ง โดยสัญญาจะจ่ายเป็นงวด ๆ ทุกเดือน ถ้าผิดนัดงวดใดให้ถือว่าผิดนัดทั้งหมด และจะยอมชำระดอกเบี้ยให้ในอัตราร้อยละ 1.25 ต่อเดือน แต่ลูกหนี้ได้รับเงินไปไม่ครบถ้วนตามจำนวนที่ลงไว้ในตั๋วสัญญาใช้เงิน เพราะเจ้าหนี้ได้หักเป็นค่าธรรมเนียมส่วนลดเสียก่อนร้อยละ 13 นั้น เป็นผลประโยชน์ที่ลูกหนี้ยินยอมมอบให้แก่เจ้าหนี้เพื่อตอบแทนในการที่เจ้าหนี้ยอมให้กู้หาใช่เป็นการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราไว้ก่อนไม่ และการหักเงินผลประโยชน์จำนวนมีไว้ก่อนหรือมอบเงินเต็มจำนวนที่กู้ยืมให้ แล้วลูกหนี้จึงมอบกลับคืนเป็นค่าผลประโยชน์ตอบแทนในภายหลัง ผลก็เป็นอย่างเดียวกัน

ย่อยาว

คดีนี้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยทั้งสองเด็ดขาด หม่อมเจ้าหญิงสุลัภวัลเลง วิสุทธิ ยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ตามเช็คเป็นเงิน ๑๓๐,๖๐๐ บาทจากกองทรัพย์สินของนางอุทิศ ดิษยบุตร ลูกหนี้ที่ ๑ และบริษัทสยามเครดิต จำกัด ยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวน ๒๒๐,๓๗๔ บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ทั้งสอง
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วเห็นควรให้หม่อมเจ้าหญิงสุลัภวัลเลงเจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ ๒๐,๖๐๐ บาท และควรให้บริษัทสยามเครดิต จำกัด เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ ๑๘๓,๕๐๕.๘๗ บาท ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เจ้าหนี้ทั้งสองรายนี้รับชำระหนี้ได้ตามที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เสนอความเห็น
เจ้าหนี้ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า อนุญาตให้หม่อมเจ้าหญิงสุลัภวัลเลงเจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ ๓๐,๖๐๐ บาท และให้บริษัทสยามเครดิต จำกัด เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ ๒๑๙,๐๖๓.๕๕ บาท
หม่อมเจ้าหญิงสุลัภวัลเลงและเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกา
สำหรับคำขอรับชำระหนี้ของหม่อมเจ้าหญิงสุลัภวัลเลงเจ้าหนี้นั้น คดีมีปัญหาเฉพาะหนี้ตามเช็คเลขที่ ๗๐๗๙๑๐๓ เท่านั้น ซึ่งหม่อมเจ้าหญิงสุลัภวัลเลงเจ้าหนี้ฎีกาว่า นางอุทิศลูกหนี้ได้สั่งจ่ายเงินจำนวน ๑๑๐,๐๐๐ บาทจริง แม้จะมีการแก้จำนวนเงิน นางอุทิศลูกหนี้ก็เซ็นชื่อกำกับไว้ จึงควรฟังได้ สำหรับปัญหานี้ศาลฎีกาวินิจฉัยแล้วฟังว่านางอุทิศได้ออกเช็คฉบับนี้สั่งจ่ายเงินให้เพียง ๑๐,๐๐๐ บาทเท่านั้น ที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่านางอุทิศลูกหนี้มิได้เป็นหนี้หม่อมเจ้าหญิงสุลัภวัลเลงเจ้าหนี้เป็นเงิน ๑๑๐,๐๐๐ บาทนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
ส่วนที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกาว่า เช็คเลขที่ ๗๐๗๙๑๐๓ มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงในข้อสำคัญ จึงมีผลให้เช็คฉบับนี้เสียไปทั้งฉบับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๐๐๗ เจ้าหนี้จึงจะขอรับชำระหนี้ตามเช็คนั้นมิได้เลยนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าแม้เช็คฉบับดังกล่าวนี้จะเสียไปเพราะมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงในข้อสำคัญก็ตาม แต่นางอุทิศลูกหนี้ก็ยอมรับว่าตนเป็นหนี้อยู่ ๑๐,๐๐๐ บาทจริง โดยเป็นหนี้ค่าผ้าที่หม่อมเจ้าหญิงสุลัภวัลเลงเจ้าหนี้นำมาให้ ตนจึงได้ออกเช็คฉบับดังกล่าวมอบให้ไว้ คำรับของลูกหนี้ผู้นี้มีเหตุผลน่าเชื่อว่าเป็นความจริง เมื่อนางอุทิศลูกหนี้เป็นหนี้หม่อมเจ้าหญิงสุลัภวัลเลงเจ้าหนี้อยู่อีก ๑๐,๐๐๐ บาทเช่นนี้ หม่อมเจ้าหญิงสุลัภวัลเลงเจ้าหนี้ก็ย่อมมีสิทธิ์ได้รับชำระหนี้ในเงินจำนวนนี้ด้วย
สำหรับคำขอรับชำระหนี้ของบริษัทสยามเครดิต จำกัด เจ้าหนี้นั้น ข้อเท็จจริงได้ความว่า นางอุทิศลูกหนี้ได้ยืมเงินและออกตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวน ๒๒๒,๖๐๐ บาทให้แก่บริษัทสยามเครดิต จำกัด เจ้าหนี้ไว้เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๑๖ โดยสัญญาจะจ่ายเป็น ๑๐ งวด งวดละ ๒๒,๒๖๐ บาท ภายในวันที่ ๑๖ ของทุกเดือน เริ่มตั้งแต่งวดวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๖ ถ้าผิดนัดงวดใดงวดหนึ่งถือว่าผิดนัดทั้งหมด และจะยอมชำระดอกเบี้ยให้ในอัตราร้อยละ ๑.๒๕ บาทต่อเดือนจนกว่าจะชำระเสร็จ นางอุทิศลูกหนี้ได้รับเงินไปจากบริษัทสยามเครดิต จำกัด ไม่ครบถ้วนจำนวนเงินที่ลงไว้ในตั๋วสัญญาใช้เงิน เพราะบริษัทสยามเครดิต จำกัด เจ้าหนี้ได้หักเป็นค่าธรรมเนียมส่วนลดไว้ก่อนประมาณ ๑๓ เปอร์เซ็นต์ นายสมยศลูกหนี้เป็นผู้ค้ำประกันหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินแบบนี้ เงินงวดแรก ๒๒,๒๖๐ บาท บริษัทสยามเครดิต จำกัด เจ้าหนี้ได้รับชำระแล้ว ส่วนงวดต่อไปยังมิได้รับชำระ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า บริษัทสยามเครดิต จำกัด เจ้าหนี้ได้ขอรับชำระหนี้โดยอาศัยตั๋วสัญญาใช้เงินที่นางอุทิศลูกหนี้ที่ ๑ ออกให้ และนายสมยศลูกหนี้ที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกันนางอุทิศลูกหนี้ที่ ๑ จึงต้องรับผิดตามเนื้อความในตั๋วสัญญาใช้เงินนั้น ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๐๐ และนายสมยศลูกหนี้ที่ ๒ ต้องรับผิดตามข้อความที่ตนค้ำประกัน เมื่อตั๋วสัญญาใช้เงินมีข้อความว่า สัญญาจะใช้เงินเป็นจำนวน ๒๒๒,๖๐๐ บาท และนายสมยศลูกหนี้ยอมค้ำประกันหนี้รายนี้ ลูกหนี้ทั้งสองจึงต้องรับผิดตามจำนวนเงินนั้น การที่นางอุทิศลูกหนี้ได้รับเงินไปไม่ครบจำนวนโดยบริษัทสยามเครดิต จำกัด เจ้าหนี้หักเป็นค่าธรรมเนียมส่วนลดเสียก่อนร้อยละ ๑๓ นั้น ก็เป็นผลประโยชน์ที่นางอุทิศลูกหนี้ยินยอมมอบให้แก่บริษัทสยามเครดิต จำกัด เจ้าหนี้ เพื่อตอบแทนการที่เจ้าหนี้ยอมให้กู้ หาใช่เป็นการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราไว้ก่อนไม่ การหักเงินผลประโยชน์จำนวนนี้ไว้ก่อนหรือมอบเงินเต็มจำนวนที่กู้ยืมให้ แล้วนางอุทิศลูกหนี้จึงมอบกลับคืนเป็นค่าผลประโยชน์ตอบแทนในภายหลังผลก็เป็นอย่างเดียวกัน จึงต้องถือว่าเงินจำนวนนี้นางอุทิศลูกหนี้ได้รับไปจากบริษัทสยามเครดิต จำกัด เจ้าหนี้แล้ว ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว
พิพากษายืน.

Share