คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 576-577/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้โจทก์และโจทก์ร่วมจะไม่มีพยานมาเบิกความให้เห็นว่านับจากเวลาที่ผู้ตายทั้งสามถูกนำตัวขึ้นรถไปจนถึงเวลาที่ผู้ตายทั้งสามถูกฆ่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 กับพวกที่หลบหนีได้กระทำอย่างไรบ้าง แต่จากบาดแผลที่ผู้ตายทั้งสามได้รับตามรายงานการตรวจศพของแพทย์ ปรากฏว่าผู้ตายทั้งสามมีบาดแผลที่บริเวณศีรษะเป็นจำนวนมาก บาดแผลส่วนใหญ่เกิดจากถูกตีด้วยของแข็งที่มีน้ำหนักมากจนกะโหลกศีรษะของแต่ละคนแตกกระจายทั่วไปเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย มีเนื้อสมองออกมาจากบาดแผล สำหรับ ส.และ ช.ผู้ตายยังพบเศษดินโคลนและน้ำในหลอดลมซึ่งแพทย์ลงความเห็นว่า ผู้ตายทั้งสามถึงแก่ความตายเนื่องจากสมองถูกทำลายจากของแข็งกระทบกระแทกและขาดอากาศหายใจจากการจมน้ำ ชี้ให้เห็นว่าก่อนผู้ตายทั้งสามจะถึงแก่ความตายได้ถูกจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 กับพวกใช้ของแข็งไม่มีคมทุบตีที่บริเวณศีรษะอย่างรุนแรงหลายครั้งจนกระโหลกศีรษะแตกกระจายเนื้อสมองไหลออกมาจากบาดแผล หลังจากนั้นยังถูกนำไปทิ้งน้ำทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 มีเจตนาฆ่าผู้ตายทั้งสามโดยการทรมานหรือกระทำทารุณโหดร้าย

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องจำเลยทั้งหกกับพวกอีก ๗ คน ซึ่งยังไม่ได้ตัวมาฟ้องร่วมกันกระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๒๘๙, ๓๔๐, ๓๔๐ ตรี, ๑๕๗, ๘๓, ๙๑, ๓๓ และ ให้จำเลยทั้งหกร่วมกันคืน หรือใช้ราคาทรัพย์แก่ทายาทของผู้เสียหาย และริบของกลาง
จำเลยทั้งหกให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา ภริยา ส. ผู้ตาย และบิดา ช. ผู้ตาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งหกมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙ (๕) ประกอบมาตรา ๘๓ ให้ระวางโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งหก และจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๔ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ อีกกระทงหนึ่ง จำคุกคนละ ๑ ปี เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งหก ทางนำสืบของจำเลยทั้งหกเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง นับเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๗๘ ประกอบมาตรา ๕๒ (๑) คงให้จำคุกจำเลยทั้งหกตลอดชีวิต ริบของกลางคำขออื่นให้ยก
จำเลยทั้งหกอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ พิพากษายืน
จำเลยทั้งหกฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้วพยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสองมีน้ำหนักมั่นคงรับฟังได้โดยปราศจาก ข้อสงสัยว่าจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๔ เป็นคนร้ายที่ร่วมกับพวกที่หลบหนีทำร้ายร่างกายผู้ตายทั้งสามจนสลบแล้วนำร่างของ ผู้ตายทั้งสามใส่รถยนต์ปิกอัพขับออกไป พยานหลักฐานของจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๔ ไม่มีน้ำหนักที่จะหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสองได้ แม้ขณะที่ผู้ตายทั้งสามถูกฆ่าจะไม่มีพยานผู้ใดรู้เห็น แต่จากพฤติการณ์ที่จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๔ กับพวกที่หลบหนีช่วยกันรุมทำร้ายผู้ตายทั้งสามจนสลบแล้วนำตัวขึ้นรถยนต์ปิกอัพขับพาออกไป ต่อมารุ่งเช้ามีผู้พบศพผู้ตายทั้งสามจมน้ำอยู่ในร่องสวนซึ่งเป็นระยะเวลาห่างจากที่จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๔ กับพวกพาผู้ตายทั้งสามขึ้น รถยนต์ปิกอัพขับออกไปไม่กี่ชั่วโมง ย่อมชี้ชัดว่าจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๔ กับพวกที่หลบหนีเป็นผู้ร่วมกันฆ่าผู้ตายทั้งสามจริง ส่วนที่จำเลยที่ ๓ ฎีกาว่า การกระทำของจำเลยที่ ๓ ไม่เป็นการฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือทารุณโหดร้ายนั้น เห็นว่า แม้โจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสองจะไม่มีพยานมาเบิกความให้เห็นว่า นับจากเวลาที่ผู้ตายทั้งสามนำตัวขึ้นรถไปจนถึงเวลาที่ผู้ตายทั้งสามถูกฆ่า จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๔ กับพวกที่หลบหนีได้กระทำอย่างไรบ้าง แต่จากบาดแผลที่ผู้ตายทั้งสามได้รับตามรายงานการตรวจศพของแพทย์ ปรากฏว่าผู้ตายทั้งสามมีบาดแผลที่บริเวณศีรษะเป็นจำนวนมาก บาดแผลส่วนใหญ่เกิดจากถูกตีด้วยของแข็งที่มีน้ำหนักมากจนกระโหลกศรีษะของแต่ละคนแตกกระจายทั่วไปเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย มีเนื้อสมองออกมาจากบาดแผล สำหรับ ส. และ ช. ยังพบเศษดินโคลนและน้ำในหลอดลมซึ่งแพทย์ลงความเห็นว่า ผู้ตายทั้งสามถึงแก่ความตายเนื่องจากสมองถูกทำลายจากของแข็งกระทบกระแทกและขาดอากาศหายในจากการจมน้ำ ชี้ให้เห็นว่าก่อนผู้ตายทั้งสามจะถึงแก่ความตายได้ถูกจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๔ กับพวกใช้ของแข็งไม่มีคมทุบตีที่บริเวณศีรษะอย่างรุนแรงหลายครั้งอย่างโหดเหี้ยมจนกะโหลกศีรษะแตกกระจายเนื้อสมองไหลออกมาจากบาดแผล หลังจากนั้นยังถูกนำไปทิ้งน้ำทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๔ กับพวกที่หลบหนีมีเจตนาฆ่าผู้ตายทั้งสามโดยการทรมานหรือกระทำทารุณโหดร้าย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ พิพากษาลงโทษจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๔ มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๔ ฟังไม่ขึ้น…

Share