แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประเด็นข้อตัดฟ้องซึ่งถึงที่สุดแล้วจะหยิบยกขึ้นฎีกาอีกไม่ได้
ได้รับโอนที่ดินโดยทางทะเบียนโดยสุจริต ย่อมมีสิทธิดีกว่าผู้ครอบครองถ้าผู้ครอบครองโต้แย้งก็เป็นหน้าที่ผู้ครอบครองต้องสืบหักล้าง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินโฉนดที่ ๒๓๕๔ ซึ่งโจทก์ได้ซื้อไว้จากหม่อมพร้อย
นายฮุนยิร้องสอดเข้าเป็นคู่ความแล้วให้การตัดฟ้องว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ และคดีนี้ผู้ร้องได้ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยคดีถึงที่สุดแล้ว ศาลชั้นต้นเห็นว่าข้อตัดฟ้องฟังไม่ขึ้น ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
เมื่อศาลชั้นต้นพิจารณาคดีเสร็จแล้ววินิจฉัยว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ให้ขับไล่จำเลย
ผู้ร้องและจำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องและจำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อตัดฟ้องของผู้ร้องที่ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องและได้มีคำพิพากษาเกี่ยวกับคดีนี้แล้วนั้นฎีกาไม่ได้ เพราะคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในครั้งก่อนถึงที่สุดแล้ว ส่วนข้อนำสืบนั้นคดีนี้โจทก์เป็นเจ้าของทางทะเบียน ผู้ฎีกาโต้เถียงกรรมสิทธิจึงต้องนำสืบก่อน คำพิพากษาคดีก่อนนั้นไม่ได้วินิจฉัยเรื่องกรรมสิทธิ์ จึงใช้ยันโจทก์ในคดีนี้ไม่ได้ และที่ฎีกาว่าศาลล่างรับฟังเอกสารผิดจากวิธีพิจารณาตามมาตรา ๙๐ นั้น ผู้ฎีกามิได้ยกปัญหานี้ขึ้นว่ากล่าวมาแต่ศาลชั้นต้น จะฎีกาไม่ได้ คดีนี้โจทก์รับโอนกรรมสิทธิ์มาทางทะเบียนโดยสุจริต โจทก์จึงมีสิทธิ์ดีกว่าผู้ร้อง ซึ่งมิได้จดทะเบียนกรรมสิทธิ์ของตน จึงไม่ต้องวินิจฉัยว่าผู้ร้องได้ครอบครองมาช้านานเท่าใด จึงพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฎีกาผู้ร้อง