คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 382-383/2488

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พฤตติการณ์ในฟ้องที่ระบุไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง.
ศาลยกฟ้องเพราะฟ้องระบุข้อเท็จจริงมาไม่เป็นความผิดนั้น ถือว่ายกฟ้องในความผิดซึ่งได้ฟ้องโจทก์จะมาฟ้องใหม่ไม่ได้.

ย่อยาว

ในคดีแรกโจทก์กล่าวฟ้องว่า โจทก์ถูกอำเภอเกณฑ์ให้ไปทำถนน ระหว่างทางพบจำเลย จำเลยได้บังอาจเพทุบายประกอบด้วยเอาความเท็จมากล่าวว่า โจทก์ป่วยเท้าไม่ต้องไปทำถนนก็ได้ ให้มอบเงินให้จำเลย ๕๐ บาทไปให้อำเภอแทนเกณฑ์ก็แล้วกัน โจทก์หลงเชื่อจึงมอบเงินให้ไป ต่อมาโจทก์ถูกอำเภอหาว่าซัดคำสั่ง โจทก์ได้แจ้งการที่จำเลยหลอกลวงให้อำเภอทราบ อำเภอไม่รับทราบ โจทก์จึงรู้สึกว่าจำเลยเพทุบายกล่าวเท็จหลอกลวงเอาเงินโจทก์เป็นประโยชน์ตน ได้ความดังนี้ศาลชั้นต้นเห็นว่า ฟ้องของโจทก์มิได้กล่าวว่าจำเลยมีเจตนาทุจจริตคิดหลอกลวง ให้ยกฟ้องโจทก์ โจทก์ได้ยื่นฟ้องเป็นคดีใหม่อีกคดีหนึ่ง ศาลชั้นต้นเห็นว่าเป็นฟ้องซ้ำ โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์คงพิพากษายืน
โจทก์ฎีกามาทั้ง ๒ คดี
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้คดีแรกจะได้ความเต็มตามฟ้องโจทก์คดีก็ยังลงโทษจำเลยไม่ได้ เพราะไม่ได้ความว่า จำเลยได้นำเงินนั้นไปให้อำเภอหรือเปล่า โจทก์กล่าวแต่ว่าอำเภอไม่ทราบถึงการที่จำเลยเรียกเงิน แต่โจทก์ก็ไม่ได้ยืนยันว่าจำเลยเอาเงินนั้นไว้เสียเอง อำเภอไม่ได้เงินไว้เลย การที่ศาลชั้นต้นสั่งยกฟ้องในคดีแรกจึงเป็นการชอบแล้ว ส่วนในคดีหลังเป็นการฟ้องซ้ำต้องห้ามด้วย ป.ม. วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๓๙ (๔) โดยการสั่งยกฟ้องในคดีแรกเป็นการมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้องแล้ว จึงพิพากษายืนตามศาลล่าง

Share