แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้จะได้โอนตึกและที่ดินไปแล้ว จำเลยยังเป็นผู้จัดการดูแลครอบครองตึกพิพาทอยู่ จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาหรือนาย ส. ผู้ซื้อตึกและที่ดินยังจะต้องปฏิบัติตามคำบังคับให้รื้อถอนขนย้ายชั้นวางของที่ก่อสร้างรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 3 คำบังคับของศาลชั้นต้นที่ออกเป็นการชอบด้วยกฎหมาย ที่จำเลยขอให้ส่งสำนวนไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในเรื่องการออกคำบังคับใหม่ มิใช่ข้อโต้แย้งกล่าวอ้างว่าบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ศาลจะใช้บังคับขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ จึงไม่ต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากคดีทั้งสองสำนวนนี้ศาลชั้นต้นสั่งให้รวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกัน ขอให้ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย
ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องว่า การบังคับคดีตามคำพิพากษาชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ไม่ใช่เหตุตามมาตรา 6 และ 264 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่จะต้องส่งไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ให้ยกคำร้องในส่วนนี้ จำเลยทำสิ่งปลูกสร้างด้วยเหล็กขึ้นใหม่แทนสิ่งปลูกสร้างคอนกรีตเดิมซึ่งรื้อถอนไปแล้วโดยมีเจตนาหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาและสร้างความเดือดร้อนแก่โจทก์ ความเสียหายจึงยังคงมีอยู่แก่โจทก์ตามคำพิพากษา ไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงค่าเสียหายตามคำบังคับเพราะเป็นการบังคับคดีตามคำพิพากษา และจำเลยอ้างว่าได้โอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้ผู้อื่นแล้ว จึงให้ไต่สวนคำร้องในส่วนนี้
โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 3 ยื่นคำคัดค้านขอให้ออกหมายบังคับคดีต่อไป
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ออกคำบังคับตามคำพิพากษา โดยให้เพิกถอนการออกคำบังคับของศาลชั้นต้นตามสำเนาคำบังคับเก็บอยู่ในสำนวนสารบัญอันดับที่ 220 และให้ศาลชั้นต้นออกคำบังคับใหม่ตามรูปคดี
โจทกที่ 1 ถึงที่ 3 และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยประการแรกตามฎีกาของจำเลยว่า การที่จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและตึกพิพาทให้แก่นายแสงโรจน์ไปแล้วนั้น คำบังคับของศาลชั้นต้นที่ให้จำเลยรื้อถอนชั้นวางของออกไปจากที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของบุคคลอื่นนั้นชอบหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า หลังจากจำเลยโอนตึกและที่ดินให้แก่นายแสงโรจน์ไปแล้วตึกพิพาทยังใช้เป็นสำนักงานของบริษัทเกร็ทวอลทัวร์ จำกัด ที่มีจำเลยกับนายแสงโรจน์เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ ทั้งจำเลยยังพักอาศัยอยู่ในตึกพิพาท แม้บริษัทเกร็ทวอลทัวร์ จำกัด จะเป็นผู้เช่าตึกพิพาทจากนายแสงโรจน์ แต่จำเลยก็ยังเป็นผู้จัดการดูแลครอบครองตึก จึงถือไม่ได้ว่าสภาพแห่งการบังคับคดีไม่เปิดช่องให้กระทำได้ จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาหรือนายแสงโรจน์ผู้ซื้อตึกและที่ดินยังจะต้องปฏิบัติตามคำบังคับให้รื้อถอนขนย้ายชั้นวางของที่ก่อสร้างรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 3 เช่นเดียวกัน โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 3 ไม่ต้องขอให้ศาลชั้นต้นออกคำบังคับใหม่ คำบังคับของศาลชั้นต้นที่ออกโดยชอบด้วยกฎหมาย จึงหาเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 28 และ มาตรา 35 ดังที่จำเลยอ้างไม่ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยต้องปฏิบัติตามคำบังคับของศาลชั้นต้นนั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
ประการที่สอง ที่จำเลยฎีกาว่าศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นออกคำบังคับใหม่ให้จำเลยปฏิบัติตาม ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ส่งสำนวนให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนั้น มิใช่ข้อโต้แย้งกล่าวอ้างว่า บทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ศาลจะใช้บังคับแก่คดีขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ จึงไม่จำต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 264 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแต่ประการใด ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้นเช่นกัน
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยปฏิบัติตามคำบังคับของศาลชั้นต้นที่ให้จำเลยรื้อถอนและขนย้ายชั้นวางของออกจากที่ดินของโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 3 และให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 3 เดือนละ 2,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม 2539 จนกว่าจำเลยจะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวออกจากที่ดินของโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 3 ตามสำเนาคำบังคับ (เก็บอยู่ในสำนวนสารบัญอันดับที่ 220) นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.