คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 547-550/2525

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยปลูกเรือนที่คันคลองสาธารณะอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน และอยู่หน้าที่ดินโจทก์ก่อนที่โจทก์จะปลูกบ้านจัดสรรในที่ดินโจทก์โจทก์สามารถออกไปสู่ที่สาธารณะได้โดยหน้าที่ดินของโจทก์ยังว่างอยู่โดยไม่มีสิ่งใดปิดบังถึง 100 เมตรดังนี้ ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายและเดือดร้อนเป็นพิเศษตามป.พ.พ. ม.1337 จึงไม่มีอำนาจที่จะฟ้องบังคับให้จำเลยรื้อถอนเรือนออกไป

ย่อยาว

สาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โจทก์ทั้งสี่สำนวนฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า โจทก์ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนจากการที่จำเลยทั้งสี่ได้ปลูกสร้างบ้านเรือนอยู่อาศัยปิดบังหน้าที่ดินของโจทก์หรือไม่ พิเคราะห์แล้ว ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงต้องกันซึ่งโจทก์มิได้ฎีกาโต้แย้งเป็นอย่างอื่นได้ความว่าจำเลยทั้งสี่ได้ปลูกสร้างบ้านเรือนเพื่ออยู่อาศัยบนคันคลองสาธารณะหน้าที่ดินโจทก์แต่อยู่นอกเขตโฉนดที่ดินของโจทก์โจทก์มีทางเข้าออกสู่ที่สาธารณะโดยมีสะพานอยู่แล้ว 1 สะพาน กำลังสร้างอีก 2 สะพาน จำเลยทั้งสี่ปลูกบ้านอยู่อาศัยก่อนที่โจทก์จะทำการสร้างบ้านจัดสรร และบ้านเรือนของจำเลยทั้งสี่มิได้ปิดบังหน้าที่ดินของโจทก์ทั้งหมด โดยหน้าที่ดินของโจทก์ยังว่างอยู่ประมาณ 100 เมตรศาลฎีกาเห็นว่า คันคลองสาธารณะเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันและอยู่หน้าที่ดินโจทก์ เมื่อจำเลยทั้งสี่ใช้ปลูกเรือนอาศัยในคันคลองสาธารณมาก่อนที่โจทก์จะปลูกสร้างบ้านจัดสรรในที่ดินโจทก์ จำเลยทั้งสี่ย่อมมีสิทธิในคันคลองสาธารณะดีกว่าโจทก์ เมื่อปรากฎว่าโจทก์ยังสามารถออกไปสู่ที่สาธารณะโดยทางสะพานได้ และหน้าที่ดินของโจทก์ยังว่างอยู่ไม่มีสิ่งใดปิดบังถึง 100 เมตร เช่นนี้ การที่โจทก์อ้างว่าทำการก่อสร้างตึกแถวและบ้านจัดสรรตลอดแนวที่ดินไม่ได้ เป็นทำนองว่าทำประโยชน์ในที่ดินไม่ได้นั้น ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์เสียหายและเดือดร้อนเป็นพิเศษ ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1337 โจทก์ไม่มีอำนาจที่จะฟ้องบังคับให้จำเลยทั้งสี่รื้อถอนบ้านเรือนออกไป ทั้งนี้ตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ 2572/2520 ระหว่างนางประยงค์ สุนทรกิจ โจทก์นายสุวรรณ ภู่พลเพียร จำเลย”

พิพากษายืน

Share