แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสามฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจำคุกคนละ 20 วันและปรับคนละ 500 บาท รอการลงโทษจำคุกไว้ 1 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้กักขังจำเลยคนละ 20 วัน แทนโทษจำคุกโดยไม่รอการลงโทษและไม่ปรับดังนี้เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์ยังคงลงโทษจำเลยไม่เกินกำหนด 1 ปี ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันทำร้ายร่างกายนายชูพันธ์จนเป็นอันตรายแก่กาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295, 83
นายชูพันธ์ผู้เสียหายได้เข้าเป็นโจทก์ร่วม
จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพหลังจากสืบพยานโจทก์ไปบ้างแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามฟ้อง ลงโทษจำคุกจำเลยคนละ 1 เดือนและปรับคนละ 750 บาท จำเลยทั้งสามรับสารภาพลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกคนละ 20 วันปรับคนละ 500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี
โจทก์ร่วมอุทธรณ์ขอไม่ให้รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ลงโทษปรับและไม่รอการลงโทษแต่ให้กักขังจำเลยคนละ 20 วันแทนโทษจำคุกตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 23 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายโจทก์ร่วม ลงโทษจำคุกคนละ 20 วันปรับคนละ 500 บาท โทษจำคุกรอการลงโทษไว้ 1 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าไม่ลงโทษปรับและไม่รอการลงโทษ แต่ให้กักขังคนละ 20 วันแทนโทษจำคุกนั้นเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์ยังคงลงโทษจำเลยไม่เกินกำหนด 1 ปี จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยทั้งสามมิได้มีพฤติการณ์ที่จะร่วมกันทำร้ายร่างกายโจทก์ร่วมเลย และสมควรรอการลงโทษจำเลยนั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว
พิพากษายกฎีกาจำเลยทั้งสาม