แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ชี้ชวนให้ผู้มีชื่อมาซื้อหุ้นของธนาคาร ก. และบุคคลเหล่านี้ได้ซื้อหุ้นดังกล่าวตามที่โจทก์ชี้ชวน โดยโจทก์ได้รับค่าธรรมเนียมเป็นบำเหน็จการชี้ชวนเป็นเงินจำนวนหนึ่ง โจทก์จึงเป็นนายหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 845 และถือได้ว่าเป็นผู้ประกอบการค้า มีหน้าที่เสียภาษีการค้าและจดทะเบียนการค้า
บทบัญญัติมาตรา 89 และ 89 ทวิ เป็นบทบังคับที่ไม่ต้องพิจารณาว่า ผู้ประกอบการค้ามีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษีการค้าหรือไม่ โจทก์ไม่ชำระภาษีการค้าภายในกำหนดเวลา โจทก์ต้องเสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่มตามประมวลรัษฎากร มาตรา 89 และ 89 ทวิ.
ย่อยาว
โจทก์ทั้งยี่สิบสี่สำนวนฟ้องว่า เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ 4 ได้ประเมินภาษีโจทก์แต่ละคนเสียภาษีการค้า เบี้ยปรับเงินเพิ่มและภาษีรายได้บำรุงเทศบาล โดยเจ้าพนักงานประเมินได้ให้เหตุผลแห่งการประเมินว่าโจทก์เป็นผู้ประกอบการค้าประกอบการค้าประเภทการค้า 10 นายหน้าและตัวแทนแห่งบัญชีอัตราภาษีการค้า ของประมวลรัษฎากร มีหน้าที่จดทะเบียนการค้าตามมาตรา 80 แห่งประมวลรัษฎากร แต่โจทก์มิได้ยื่นคำร้องขอจดทะเบียนการค้า และประกอบการค้าโดยไม่มีทะเบียนการค้าจะต้องชำระภาษีการค้าพร้อมทั้งเบี้ยปรับ 2 เท่า ตามมาตรา 89 (1) และจะต้องเสียเงินเพิ่มร้อยละ 1.5 ต่อเดือนตามมาตรา 89 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร โจทก์ไม่เห็นด้วยกับการประเมินดังกล่าวจึงอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จังหวัดสุโขทัย คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จังหวัดสุโขทัยวินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์ของโจทก์ โจทก์ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยอุทธรณ์ดังกล่าวจึงอุทธรณ์ต่อศาลภาษีอากรกลางขอให้เพิกถอนการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ดังกล่าว
จำเลยทั้งสี่ทุกสำนวนให้การในทำนองเดียวกันว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะโจทก์ไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกและคำสั่งของเจ้าพนักงานประเมินที่ได้ออกตามประมวลรัษฎากร มาตรา 32จึงทำให้โจทก์หมดสิทธิที่จะอุทธรณ์คำวินิจฉัยอุทธรณ์ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 33 การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ชอบด้วยกฎหมายแล้ว
ในชั้นชี้สองสถานคู่ความขอให้ศาลวินิจฉัยปัญหา 2 ข้อข้อแรกโจทก์หมดสิทธิที่จะอุทธรณ์คำวินิจฉัยอุทธรณ์ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 33 หรือไม่ และข้อสองการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ทั้งนี้ โดยคู่ความไม่ติดใจสืบพยาน แต่คู่ความรับว่าข้อเท็จจริงเป็นไปตามคำฟ้องและคำให้การทุกประการ
ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยว่า แม้โจทก์จะไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกและคำสั่งของเจ้าพนักงานประเมินในตอนแรกแต่ในที่สุดโจทก์มอบอำนาจให้ผู้มีชื่อไปพบเจ้าพนักงานประเมินแทน ถือได้ว่าโจทก์ได้ปฏิบัติตามหมายเรียกและคำสั่งครั้งหลังสุดของเจ้าพนักงานประเมินแล้ว โจทก์จึงไม่หมดสิทธิที่จะอุทธรณ์คำวินิจฉัยอุทธรณ์ กรณีไม่ต้องด้วยประมวลรัษฎากร มาตรา 33 โจทก์ได้ชี้ชวนให้บุคคลผู้มีชื่อมาซื้อหุ้นของธนาคารกสิกรไทย จำกัด และบุคคลผู้มีชื่อได้ซื้อหุ้นตามที่โจทก์ชี้ชวน โดยโจทก์ได้รับค่าธรรมเนียมจากการชี้ชวนนี้เป็นเงินจำนวนหนึ่ง การที่บุคคลผู้มีชื่อซื้อหุ้นของธนาคารกสิกรไทย จำกัด ก็เพราะโจทก์เป็นผู้ชี้ชวนให้ซื้อ โจทก์จึงเป็นนายหน้า เมื่อการเป็นนายหน้านั้นเป็นการค้าตามที่ระบุไว้ในบัญชีอัตราภาษีการค้าประเภทการค้า 10 นายหน้าและตัวแทนท้ายหมวด 4 ของประมวลรัษฎากร และโจทก์มีรายรับจากการเป็นนายหน้าดังกล่าวแม้ว่าโจทก์จะกระทำเพียงครั้งเดียวก็ตาม ก็ถือว่าโจทก์เป็นผู้ประกอบการค้า โจทก์จึงมีหน้าที่เสียภาษีการค้าและจดทะเบียนการค้า ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 78 วรรคหนึ่ง และมาตรา 80 วรรคหนึ่ง เมื่อโจทก์ไม่เสียภาษีการค้าและจดทะเบียนการค้าดังกล่าว เจ้าพนักงานประเมินย่อมมีอำนาจประเมินภาษีการค้าพร้อมเบี้ยปรับอีกสองเท่าตามประมวลรัษฎากร มาตรา 89 (1) และเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือน ตามมาตรา 89 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ทั้งนี้แม้โจทก์จะไม่มีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษีก็ตาม การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ชอบด้วยกฎหมาย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งยี่สิบสี่สำนวนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า ที่โจทก์อุทธรณ์ว่าโจทก์ทั้งยี่สิบสี่คนไม่มีวันที่เริ่มประกอบการค้าที่จะเป็นฐานนับเวลากำหนดไปยื่นขอจดทะเบียนประกอบการค้าตามประมวลรัษฎากร มาตรา 80 วรรคหนึ่งแต่อย่างใด และโจทก์ไม่มีสถานประกอบการค้า โจทก์ทั้งยี่สิบสี่คนจึงไม่มีหน้าที่ต้องไปจดทะเบียนการค้านั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่าที่โจทก์อุทธรณ์ว่า โจทก์ไม่มีวันที่เริ่มประกอบการค้านั้น โจทก์มิได้กล่าวอ้างเหตุนี้มาในคำฟ้องของโจทก์เลย จึงไม่รับวินิจฉัยให้ ส่วนที่โจทก์อ้างว่าโจทก์ไม่มีสถานประกอบการค้านั้น ประมวลรัษฎากร มาตรา 77 บัญญัติว่า ‘สถานการค้า’ หมายความว่าสถานที่ซึ่งผู้ประกอบการค้าใช้ประกอบการค้าเป็นประจำและให้หมายความรวมถึงสถานที่ซึ่งใช้เป็นที่ทำการผลิตหรือเก็บสินค้าเป็นประจำด้วย
ในกรณีผู้ประกอบการค้าไม่มีสถานการค้าตามวรรคก่อนให้ถือว่าที่อยู่อาศัยของผู้ประกอบการค้านั้นเป็นสถานการค้าถ้าผู้ประกอบการค้ามีที่อยู่อาศัยหลายแห่งให้ผู้ประกอบการค้าเลือกเอาที่อยู่อาศัยแห่งหนึ่งเป็นสถานการค้า
เมื่อเป็นดังนี้ข้ออ้างของโจทก์ดังกล่าวจึงฟังไม่ขึ้นเพราะอย่างน้อยโจทก์ทุกคนต้องมีที่อยู่อาศัย โจทก์ทุกคนจะอ้างว่าตนไม่มีสถานการค้าหาได้ไม่
ที่โจทก์อุทธรณ์ว่า โจทก์ทั้งยี่สิบสี่คนมิได้ประกอบการเป็นธุรกิจการค้าแต่อย่างใด แต่การกระทำของโจทก์ทั้งยี่สิบสี่คนเป็นการกระทำเพียงครั้งเดียว และการกระทำของโจทก์เป็นลักษณะชี้ชวนให้คนมาลงทุนถือหุ้นในธนาคารเท่านั้น จึงไม่เข้าข่ายเป็นตัวแทนนายหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 797 และ 845 ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า โจทก์จะประกอบการค้าเพียงครั้งเดียวหรือหลายครั้งก็ได้ชื่อว่าโจทก์เป็นผู้ประกอบการค้าเช่นเดียวกัน โจทก์ได้ชี้ชวนให้ผู้มีชื่อมาซื้อหุ้นของธนาคารกสิกรไทย จำกัด และบุคคลเหล่านี้ก็ได้ซื้อหุ้นดังกล่าวตามที่โจทก์ชี้ชวน โดยโจทก์ได้รับค่าธรรมเนียมจากการชี้ชวนนี้เป็นเงินจำนวนหนึ่ง ค่าธรรมเนียมดังกล่าวก็คือ บำเหน็จอย่างหนึ่งนั่นเอง โจทก์ทั้งยี่สิบสี่คนจึงเป็นนายหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 845 อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
ที่โจทก์อุทธรณ์อีกข้อหนึ่งว่า โจทก์ได้ชำระภาษีเงินได้ถูกต้องตามกฎหมายแล้วไม่มีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษี โจทก์จึงไม่สมควรต้องเสียเงินเพิ่มและเบี้ยปรับนั้น เห็นว่าแม้โจทก์จะไม่มีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษีการค้า เมื่อโจทก์ไม่ชำระภาษีการค้าภายในกำหนดเวลาโจทก์ก็มีหน้าที่ต้องเสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่มตามประมวลรัษฎากร มาตรา 89 และ 89 ทวิ เพราะบทบัญญัติมาตรา 89 และ 89 ทวิ นี้ เป็นบทบังคับที่ไม่ต้องพิจารณาว่าผู้ประกอบการค้ามีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษีการค้าหรือไม่ อุทธรณ์โจทก์ทุกข้อฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.