คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1207/2563

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

มาตรา 154 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.แร่ พ.ศ.2510 ซึ่งใช้บังคับอยู่ในขณะเกิดเหตุ บัญญัติว่า บรรดาแร่ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ สัตว์พาหนะ ยานพาหนะ หรือเครื่องจักรกลใด ๆ ที่บุคคลได้มาหรือได้ใช้ในการกระทำความผิด หรือมีไว้เนื่องในการกระทำความผิด หรือได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดตามมาตรา 132 ทวิ ฯลฯ มาตรา 135 ฯลฯ มาตรา 148 ฯลฯ ให้ริบเสียทั้งสิ้นไม่ว่าจะมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่ โดยมาตรา 135 เป็นบทลงโทษในความผิดฐานทำเหมืองแร่โดยไม่ได้รับอนุญาตประทานบัตรหรือประทานบัตรชั่วคราว และมาตรา 148 เป็นบทลงโทษในความผิดฐานมีแร่ไว้ในครอบครองเกินสองกิโลกรัม เมื่อผู้คัดค้านไม่ได้รับประทานบัตรหรือประทานบัตรชั่วคราวในการทำเหมืองแร่ แต่ผู้คัดค้านทำการขุดดินและดินนั้นเป็นแร่ ซึ่งเป็นการทำเหมืองตามคำนิยามในมาตรา 4 ถือได้ว่ามีการกระทำความผิดฐานทำเหมืองแร่โดยไม่ได้รับอนุญาตประทานบัตรหรือประทานบัตรชั่วคราวเกิดขึ้นแล้ว ประกอบกับแร่ของกลางที่ขุดขึ้นมามีน้ำหนักเกินกว่าปริมาณที่กฎหมายกำหนด ผู้ใดจะครอบครองแร่ดังกล่าวได้จะต้องได้รับอนุญาตหรือมีเหตุยกเว้นตามกฎหมาย เมื่อไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาตให้ครอบครองและไม่มีเหตุยกเว้นตามกฎหมาย แร่ของกลางจึงเป็นแร่ที่ได้มาหรือได้ใช้ในการกระทำความผิดหรือมีไว้เนื่องในการกระทำความผิดอันพึงต้องริบเสียทั้งสิ้นตามบทบัญญัติมาตรา 154 วรรคหนึ่ง สำหรับกรณีที่ผู้ร้องมีคำสั่งไม่ฟ้องผู้คัดค้านเนื่องด้วยขาดเจตนาในการกระทำความผิดนั้น หาได้กระทบถึงสิทธิการร้องขอให้ริบแร่ของกลางของผู้ร้อง เพราะการริบทรัพย์ตามบทบัญญัติมาตราดังกล่าว ริบได้โดยไม่จำต้องฟ้องหรือลงโทษผู้ใดเป็นผู้กระทำผิดมาด้วย ทั้งริบได้โดยไม่ว่าจะมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ริบแร่ของกลางตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.2510 มาตรา 154
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งริบแร่โดโลไมต์ปริมาณ 266,001 เมตริกตัน ของกลาง
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 แผนกคดีสิ่งแวดล้อมพิพากษากลับ ให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีสิ่งแวดล้อมวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังได้ว่า ผู้คัดค้านทำการขุดดินในที่ดินซึ่งมีหลักฐานเป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ของผู้คัดค้านเพื่อทำสระกักเก็บน้ำ และนำดินที่ขุดขึ้นมากองรวมไว้ 11 กอง ต่อมาชาวบ้านบริเวณดังกล่าวร้องเรียนต่อทางราชการว่ามีการทำเหมืองแร่โดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจึงเข้าไปตรวจสอบแล้วเก็บตัวอย่างดินที่ขุดไปตรวจวิเคราะห์ ผลการตรวจวิเคราะห์ปรากฏว่าดินทั้ง 11 กอง เป็นแร่โดโลไมต์ มีปริมาณ 266,001 เมตริกตัน จึงยึดเป็นของกลาง อุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรีได้แจ้งความดำเนินคดีแก่ผู้คัดค้านในความผิดฐานทำเหมืองแร่โดยไม่ได้รับอนุญาตประทานบัตรหรือประทานบัตรชั่วคราว และครอบครองแร่แต่ละชนิดเกินสองกิโลกรัมโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือได้รับการยกเว้น ต่อมาผู้ร้องมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องผู้คัดค้านเนื่องด้วยขาดเจตนาในการกระทำความผิด ผู้คัดค้านจึงขอคืนแร่ของกลางต่อสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี แต่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรีแจ้งให้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอริบแร่ของกลางเป็นคดีนี้
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า แร่ของกลางเป็นแร่ที่ต้องริบเสียทั้งสิ้นตามกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า ตามมาตรา 154 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.2510 ซึ่งใช้บังคับอยู่ในขณะเกิดเหตุ บัญญัติว่า บรรดาแร่ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ สัตว์พาหนะ ยานพาหนะ หรือเครื่องจักรกลใด ๆ ที่บุคคลได้มาหรือได้ใช้ในการกระทำความผิด หรือมีไว้เนื่องในการกระทำความผิด หรือได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดตามมาตรา 132 ทวิ ฯลฯ มาตรา 135 ฯลฯ มาตรา 148 ฯลฯ ให้ริบเสียทั้งสิ้นไม่ว่าจะมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่ โดยมาตรา 135 เป็นบทลงโทษในความผิดฐานทำเหมืองแร่โดยไม่ได้รับอนุญาตประทานบัตรหรือประทานบัตรชั่วคราว และมาตรา 148 เป็นบทลงโทษในความผิดฐานมีแร่ไว้ในครอบครองเกินสองกิโลกรัม เมื่อคดีได้ความว่า ผู้คัดค้านไม่ได้รับประทานบัตรหรือประทานบัตรชั่วคราวในการทำเหมืองแร่ แต่ผู้คัดค้านทำการขุดดินและดินนั้นเป็นแร่ซึ่งเป็นการทำเหมืองตามคำนิยามในมาตรา 4 กรณีจึงถือได้ว่ามีการกระทำความผิดฐานทำเหมืองแร่โดยไม่ได้รับอนุญาตประทานบัตรหรือประทานบัตรชั่วคราวเกิดขึ้นแล้ว ประกอบกับแร่ของกลางที่ขุดขึ้นมามีน้ำหนักเกินกว่าปริมาณที่กฎหมายกำหนด ผู้ใดจะครอบครองแร่ดังกล่าวได้จะต้องได้รับอนุญาตหรือมีเหตุยกเว้นตามกฎหมาย เมื่อไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาตให้ครอบครองและไม่มีเหตุยกเว้นตามกฎหมาย แร่ของกลางจึงเป็นแร่ที่ได้มาหรือได้ใช้ในการกระทำความผิดหรือมีไว้เนื่องในการกระทำความผิดอันพึงต้องริบเสียทั้งสิ้น ตามบทบัญญัติมาตรา 154 วรรคหนึ่ง ดังกล่าวข้างต้น สำหรับกรณีที่ผู้ร้องมีคำสั่งไม่ฟ้องผู้คัดค้านนั้น หาได้กระทบถึงสิทธิการร้องขอให้ริบแร่ของกลางของผู้ร้องดั่งที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 วินิจฉัยไม่ เพราะการริบทรัพย์ตามบทบัญญัติมาตราดังกล่าว ริบได้โดยไม่จำต้องฟ้องหรือลงโทษผู้ใดเป็นผู้กระทำผิดมาด้วย ทั้งริบได้โดยไม่ว่าจะมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายกคำร้องของผู้ร้อง จึงไม่ชอบ ฎีกาของผู้ร้องฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้บังคับตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share