แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความผิดฐานมีคีตามีนซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2559 ยังคงบัญญัติให้เป็นความผิดตามมาตรา 88 วรรคหนึ่ง มีโทษตามมาตรา 140 วรรคหนึ่ง ให้จำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แตกต่างจาก พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 ที่เป็นความผิดตามมาตรา 62 วรรคหนึ่ง และมีโทษตามมาตรา 106 วรรคหนึ่ง ที่กำหนดโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท แม้ตามกฎหมายฉบับเดิมและฉบับใหม่จะมีระวางโทษจำคุกและโทษปรับเท่ากัน แต่ตามกฎหมายฉบับใหม่บัญญัติให้ลงโทษจำคุกหรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ แตกต่างจากกฎหมายฉบับเดิมที่บัญญัติให้จำคุกและปรับเท่านั้น กฎหมายฉบับใหม่จึงเป็นคุณมากกว่า และความผิดฐานเสพคีตามีนยังคงเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2559 มาตรา 92 ซึ่งมีโทษตามมาตรา 141 ให้จำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับแตกต่างจาก พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 ที่เป็นความผิดตามมาตรา 62 ตรี และมีโทษตามมาตรา 106 ตรี ที่กำหนดโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท เห็นได้ว่าโทษจำคุกขั้นสูงตามกฎหมายฉบับใหม่เบากว่าโทษจำคุกตามกฎหมายฉบับเดิม โทษจำคุกและโทษปรับตามกฎหมายฉบับใหม่ไม่มีระวางโทษจำคุกและโทษปรับขั้นต่ำเช่นเดียวกับกฎหมายฉบับเดิม ทั้งกฎหมายฉบับใหม่บัญญัติให้ลงโทษจำคุกหรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ แตกต่างจากกฎหมายฉบับเดิมที่ให้จำคุกและปรับเท่านั้น กฎหมายฉบับใหม่จึงเป็นคุณมากกว่า ดังนั้นในความผิดทั้งสองฐานดังกล่าวต้องใช้กฎหมายฉบับใหม่บังคับแก่จำเลยที่ 2 ตาม ป.อ. มาตรา 3 ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15, 57, 66, 67, 91, 102 พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มาตรา 62, 62 ตรี, 106 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91 ริบของกลาง
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพข้อหาร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและเสพเมทแอมเฟตามีน ส่วนข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้การปฏิเสธ
จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพข้อหาเสพ 3, 4 – เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีนและเสพคีตามีน ส่วนข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 67 พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มาตรา 62 วรรคหนึ่ง, 106 วรรคหนึ่ง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 57, 66 วรรคสอง, 91 จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 57, 91 และพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มาตรา 62 ตรี, 106 ตรี การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 1 ปี ฐานร่วมกันมีคีตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุกคนละ 1 ปี จำเลยที่ 1 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 4 ปี และปรับ 420,000 บาท ฐานเสพเมทแอมเฟตามีน จำคุก 6 เดือน จำเลยที่ 2 ฐานเสพ 3, 4 – เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีน จำคุก 6 เดือน ฐานเสพคีตามีน จำคุก 1 ปี จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและฐานเสพเมทแอมเฟตามีน จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพฐานเสพ 3, 4 – เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีนและเสพคีตามีน มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง ส่วนฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ทางนำสืบของจำเลยที่ 1 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้จำเลยที่ 1 หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี 8 เดือน และปรับ 280,000 บาท ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต คงจำคุก 6 เดือน ฐานเสพเมทแอมเฟตามีน คงจำคุก 3 เดือน จำเลยที่ 2 ฐานเสพ 3, 4 – เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีน คงจำคุก 3 เดือน ฐานเสพคีตามีน คงจำคุก 6 เดือน รวมจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 3 ปี 17 เดือน และปรับ 280,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 ปี 9 เดือน ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 โดยให้กักขังจำเลยที่ 1 แทนค่าปรับหนึ่งปี ริบเมทแอมเฟตามีน อุปกรณ์การเสพเมทแอมเฟตามีนและโทรศัพท์เคลื่อนที่หมายเลข 0 1555 xxxx ของกลาง ให้คืนโทรศัพท์เคลื่อนที่หมายเลข 0 1909 xxxx แก่เจ้าของ ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ในข้อหาร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
โจทก์และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 4 ปี และปรับ 420,000 บาท รวมจำคุก 6 ปี 9 เดือน และปรับ 420,000 บาท หากจำเลยที่ 2 ไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนไม่เกิน 1 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ว่า จำเลยที่ 2 กระทำความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและฐานร่วมกันมีคีตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หรือไม่ เห็นว่า สำหรับความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายนั้น พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรืออ้างถึงจำเลยที่ 2 มาก่อนว่ามีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายยาเสพติด ก่อนเกิดเหตุสายลับแจ้งเพียงว่าสามารถล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนได้จากจำเลยที่ 1 อันเป็นที่มาของการวางแผนให้สายลับล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยที่ 1 โดยสถานที่นัดหมายก็เป็นอาคารที่พักของจำเลยที่ 1 เหตุที่ทราบว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้นำเมทแอมเฟตามีนมาให้จำเลยที่ 1 ไปจำหน่ายให้แก่สายลับมาจากคำซัดทอดของจำเลยที่ 1 ซึ่งต้องรับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นด้วย ภายหลังจับกุมจำเลยที่ 2 พยานโจทก์ทั้งสองได้ยึดโทรศัพท์เคลื่อนที่ของจำเลยที่ 2 ไว้ แต่กลับไม่มีการตรวจสอบข้อมูลการใช้โทรศัพท์ของจำเลยที่ 2 เพื่อให้ได้หลักฐานยืนยันว่าจำเลยที่ 1 ได้โทรศัพท์ติดต่อให้จำเลยที่ 2 นำเมทแอมเฟตามีนมาให้เพื่อนำไปจำหน่ายให้แก่สายลับจริง โดยเทียบกับช่วงเวลาที่สายลับโทรศัพท์ล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยที่ 1 ซึ่งอยู่ในวิสัยที่กระทำได้ การที่พบจำเลยที่ 2 อยู่ในห้องพักของจำเลยที่ 1 พร้อมกับยาเสพติดอีกจำนวนหนึ่งจึงยังไม่เพียงพอที่จะรับฟังว่าจำเลยที่ 2 มีส่วนเกี่ยวข้องกับเมทแอมเฟตามีนที่นำไปจำหน่ายให้แก่สายลับ ทั้งจำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธมาโดยตลอดว่า ไม่ได้กระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ประกอบกับได้ความว่าพยานโจทก์ทั้งสองยึดได้คีตามีนและเมทแอมเฟตามีนพร้อมอุปกรณ์ที่ใช้ในการเสพเมทแอมเฟตามีนในห้องพักที่เกิดเหตุ เมื่อตรวจปัสสาวะจำเลยที่ 2 ก็พบสารเสพติดในร่างกาย จำเลยที่ 2 จึงน่าจะมาที่ห้องพักที่เกิดเหตุเพื่อเสพยาเสพติดดังที่นำสืบต่อสู้ พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมามีความสงสัยตามสมควรว่า จำเลยที่ 2 ได้กระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามฟ้องหรือไม่ ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง ส่วนความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตกับฐานร่วมกันมีคีตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตนั้น เห็นว่า แม้เมทแอมเฟตามีนและคีตามีนดังกล่าวตรวจพบภายในห้องพักของจำเลยที่ 1 แต่เมทแอมเฟตามีนพร้อมอุปกรณ์การเสพพบอยู่บนโต๊ะกลางห้องพัก ส่วนคีตามีนพบอยู่บริเวณที่นอน ยาเสพติดทั้งสองส่วนอยู่ภายในห้องในลักษณะเปิดเผยไม่ได้มีการซุกซ่อนหรือปิดบัง ภายหลังจับกุมจำเลยที่ 2 ให้การรับว่ามาที่ห้องพักของจำเลยที่ 1 เพื่อเสพยาเสพติด ตามพฤติการณ์ฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 มามั่วสุมเสพยาเสพติดในห้องพักของจำเลยที่ 1 จึงถือได้ว่าจำเลยที่ 2 มีส่วนรู้เห็นและมีเจตนาร่วมกับจำเลยที่ 1 ครอบครองเมทแอมเฟตามีนและคีตามีนดังกล่าวแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ 2 ข้อนี้ฟังขึ้นบางส่วน
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ต่อไปว่า มีเหตุสมควรรอการลงโทษให้จำเลยที่ 2 หรือไม่ เห็นว่า เมื่อพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบคงรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 มีเมทแอมเฟตามีนและคีตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ซึ่งเมทแอมเฟตามีนและคีตามีนมีปริมาณเพียงเล็กน้อย เชื่อว่าจำเลยที่ 2 มีไว้เพื่อเสพเท่านั้น เมื่อคำนึงถึงการศึกษาและอายุของจำเลยที่ 2 ประกอบกับจำเลยที่ 2 ไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อน น่าจะอยู่ในวิสัยที่จะแก้ไขฟื้นฟูให้กลับตัวเป็นพลเมืองดีได้ สมควรให้โอกาสจำเลยที่ 2 โดยการรอการลงโทษจำคุกไว้ แต่เพื่อให้จำเลยที่ 2 หลาบจำและเพื่อประโยชน์ในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงตนเองของจำเลยที่ 2 เห็นสมควรลงโทษปรับจำเลยที่ 2 ในทุกกระทงความผิดอีกสถานหนึ่ง และกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของจำเลยที่ 2 ไว้ด้วย ฎีกาข้อนี้ของจำเลยที่ 2 ฟังขึ้น
อนึ่ง ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ได้มีพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2559 ออกมาใช้บังคับมีผลภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา (ประกาศวันที่ 20 ธันวาคม 2559) โดยมาตรา 3 ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 ทั้งฉบับ แต่กฎหมายฉบับใหม่ยังคงบัญญัติให้ความผิดฐานมีคีตามีนซึ่งเป็นวัตถุที่ออกฤทธิ์ในประเภท 2 ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตเป็นความผิดตามมาตรา 88 วรรคหนึ่ง มีโทษตามมาตรา 140 วรรคหนึ่ง ให้จำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แตกต่างจากกฎหมายฉบับเดิมที่เป็นความผิดตามมาตรา 62 วรรคหนึ่ง และมีโทษตามมาตรา 106 วรรคหนึ่ง ที่กำหนดโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท เห็นได้ว่า แม้ตามกฎหมายฉบับเดิมและฉบับใหม่จะมีระวางโทษจำคุกและโทษปรับเท่ากัน แต่ตามกฎหมายฉบับใหม่บัญญัติให้ลงโทษจำคุกหรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ แตกต่างจากกฎหมายฉบับเดิมที่บัญญัติให้จำคุกและปรับเท่านั้น กฎหมายฉบับใหม่จึงเป็นคุณมากกว่า สำหรับความผิดฐานเสพคีตามีนยังคงเป็นความผิดตามมาตรา 92 ซึ่งมีโทษตามมาตรา 141 ให้จำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับแตกต่างจากกฎหมายฉบับเดิมที่เป็นความผิดตามมาตรา 62 ตรี และมีโทษตามมาตรา 106 ตรี ที่กำหนดโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท เห็นได้ว่าโทษจำคุกขั้นสูงตามกฎหมายฉบับใหม่เบากว่าโทษจำคุกตามกฎหมายฉบับเดิม โทษจำคุกและโทษปรับตามกฎหมายฉบับใหม่ไม่มีระวางโทษจำคุกและโทษปรับขั้นต่ำเช่นเดียวกับกฎหมายฉบับเดิม ทั้งกฎหมายฉบับใหม่บัญญัติให้ลงโทษจำคุกหรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ แตกต่างจากกฎหมายฉบับเดิมที่ให้จำคุกและปรับเท่านั้น กฎหมายฉบับใหม่จึงเป็นคุณมากกว่า ดังนั้นในความผิดทั้งสองฐานดังกล่าวต้องใช้กฎหมายฉบับใหม่บังคับแก่จำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
พิพากษาแก้เป็นว่า สำหรับความผิดฐานร่วมกันมีคีตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและความผิดฐานเสพคีตามีน จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2559 มาตรา 88 วรรคหนึ่ง, 92, 140 วรรคหนึ่ง, 141 ให้ลงโทษปรับจำเลยที่ 2 ทุกกระทงอีกสถานหนึ่ง ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ปรับ 20,000 บาท ฐานมีคีตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ปรับ 20,000 บาท ฐานเสพ 3, 4 – เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีน ปรับ 10,000 บาท และฐานเสพคีตามีน ปรับ 10,000 บาท ลดโทษให้ในความผิดฐานเสพ 3, 4 – เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีนกับฐานเสพคีตามีนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กระทงละกึ่งหนึ่ง ฐานเสพ 3, 4- เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีน ปรับ 5,000 บาท ฐานเสพคีตามีน ปรับ 5,000 บาท เมื่อรวมกับโทษจำคุกทุกกระทงแล้วเป็นจำคุก 2 ปี 9 เดือน และปรับ 50,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี และคุมความประพฤติของจำเลยที่ 2 ไว้ 1 ปี นับแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้จำเลยที่ 2 ฟัง โดยกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติให้จำเลยที่ 2 ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือนต่อครั้ง ตลอดระยะเวลาที่รอการลงโทษ และห้ามมิให้จำเลยที่ 2 เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษทุกชนิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ในข้อหาร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์