คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5157/2558

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 กับพวกนั่งดื่มสุรากันอยู่บริเวณกระท่อมที่เกิดเหตุอยู่ก่อนที่พวกของจำเลยที่ 1 จะพาโจทก์ร่วมมายังกระท่อมที่เกิดเหตุ และไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ทราบมาก่อนว่าพวกของจำเลยที่ 1 จะพาโจทก์ร่วมมาข่มขืนกระทำชำเรา อีกทั้งไม่ปรากฏข้อเท็จจริงใดที่ชี้ให้เห็นได้ว่าจำเลยที่ 1 มีพฤติการณ์ที่จะเข้าไปมีส่วนในการกระทำความผิดด้วย นอกจากนี้ทั้งก่อนและขณะที่จำเลยที่ 2 กับพวกข่มขืนกระทำชำเราโจทก์ร่วม แม้จำเลยที่ 1 อยู่ใกล้กับกระท่อมที่เกิดเหตุและเห็นเหตุการณ์ ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 พูดหรือกระทำการใดอันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 2 กับพวกในการข่มขืนกระทำชำเราโจทก์ร่วม การที่จำเลยที่ 1 เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากการกระทำของพวกจำเลยที่ 1 แต่ไม่เข้าไปห้ามปรามหรือขัดขวางเพื่อมิให้โจทก์ร่วมถูกข่มขืนกระทำชำเรา กรณีดังกล่าวก็ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 2 กับพวกข่มขืนกระทำชำเราโจทก์ร่วม จึงไม่เป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 277 วรรคสี่
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ แต่ก่อนสืบพยาน จำเลยที่ 2 ขอถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่เป็นรับสารภาพ
ระหว่างพิจารณา เด็กหญิง น. ผู้เสียหาย โดยนาย พ. และนาง ร. ผู้แทนโดยชอบธรรมยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต และโจทก์ร่วมยื่นคำร้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เป็นเงิน 300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันทำละเมิดจนกว่าจำเลยทั้งสองจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 ให้การในคดีส่วนแพ่งว่าไม่ต้องรับผิด ขอให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 2 ให้การในคดีส่วนแพ่งว่าค่าสินไหมทดแทนสูงเกินไป
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคสี่ ประกอบมาตรา 86 จำคุก 33 ปี 4 เดือน ทางนำสืบของจำเลยที่ 1 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 22 ปี 2 เดือน 20 วัน จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคสี่ ประกอบมาตรา 83 จำคุกตลอดชีวิต จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 คงจำคุก 25 ปี และให้จำเลยที่ 1 ชำระค่าสินไหมทดแทน เป็นเงิน 20,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 20 กรกฎาคม 2555 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ร่วม ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์ร่วมและจำเลยทั้งสองให้เป็นพับ
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 และยกคำขอส่วนแพ่งสำหรับจำเลยที่ 1 เสีย ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ในส่วนของจำเลยที่ 1 ให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังเป็นยุติว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยที่ 2 ร่วมกับพวกอีก 13 คน กระทำชำเราโจทก์ร่วมอายุ 14 ปี โดยจำเลยที่ 1 อยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุ
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้สนับสนุนให้จำเลยที่ 2 และพวกอีก 13 คน กระทำความผิดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือไม่ โจทก์ฎีกาอ้างว่าในวันเกิดเหตุจำเลยที่ 1 กับพวกนั่งดื่มสุราอยู่บริเวณกระท่อมใกล้ที่เกิดเหตุก่อนที่พวกของจำเลยที่ 1 จะนำโจทก์ร่วมมาที่กระท่อม ทั้งกระท่อมที่เกิดเหตุ ไม่มีผนังรอบด้าน จำเลยที่ 1 ย่อมมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะที่พวกของจำเลยที่ 1 ข่มขืนกระทำชำเราโจทก์ร่วมอยู่ในกระท่อม แต่กลับปล่อยให้จำเลยที่ 2 กับพวกผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันข่มขืนกระทำชำเราโจทก์ร่วมโดยมิได้ขัดขวางหรือห้ามปรามแต่อย่างใด ถือว่าเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 2 กับพวกก่อนหรือในขณะที่มีการข่มขืนกระทำชำเราโจทก์ร่วมแล้ว จึงเป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนนั้น เห็นว่า คดีนี้ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 กับพวกนั่งดื่มสุรากันอยู่บริเวณกระท่อมที่เกิดเหตุอยู่ก่อนที่พวกของจำเลยที่ 1 จะพาโจทก์ร่วมมายังกระท่อมที่เกิดเหตุ และจากทางนำสืบของโจทก์และโจทก์ร่วมก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ทราบมาก่อนว่าพวกของจำเลยที่ 1 จะพาโจทก์ร่วมมาข่มขืนกระทำชำเรา อีกทั้งเมื่อโจทก์ร่วมมาถึงก็คงได้ความจากโจทก์ร่วมเพียงว่า เห็นจำเลยที่ 1 นั่งดื่มสุราอยู่กับพวกเท่านั้น ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงใดที่ชี้ให้เห็นได้ว่าจำเลยที่ 1 มีพฤติการณ์ที่จะเข้าไปมีส่วนในการกระทำความผิดด้วย นอกจากนี้ทั้งก่อนและขณะที่จำเลยที่ 2 กับพวกข่มขืนกระทำชำเราโจทก์ร่วม แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 อยู่ใกล้กับกระท่อมที่เกิดเหตุและเห็นเหตุการณ์ ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 พูดหรือกระทำการใดอันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 2 กับพวกในการข่มขืนกระทำชำเราโจทก์ร่วม การที่จำเลยที่ 1 เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากการกระทำของพวกจำเลยที่ 1 แต่ไม่เข้าไปห้ามปรามหรือขัดขวางเพื่อมิให้โจทก์ร่วมถูกข่มขืนกระทำชำเรา กรณีดังกล่าวก็ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 2 กับพวกข่มขืนกระทำชำเราโจทก์ร่วม จึงไม่เป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน เมื่อฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 กระทำความผิด จึงไม่จำต้องพิจารณาเรื่องค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ร่วมตามฎีกาของโจทก์อีกต่อไป ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share