คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3328/2558

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งแบ่งที่ดินที่ยึดออกเป็น 3 แปลง แล้วขายแยกทีละแปลงเพื่อให้ขายทรัพย์สินได้ในราคาที่สูงขึ้นการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า การบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่อาจแยกการขายทอดตลาดทรัพย์ตามที่จำเลยที่ 1 ร้องขอได้ เนื่องจากที่ดินทั้งสามแปลงเป็นส่วนประกอบของสิ่งปลูกสร้างเพื่อใช้ประโยชน์ในกิจการโรงแรม การแยกขายที่ดินไม่มีประโยชน์แก่การบังคับคดีไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีการขายทอดตลาดทรัพย์ตามที่จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้อง ยกคำร้องของจำเลยที่ 1 เป็นคำสั่งชี้ขาดในเรื่องให้รวมหรือแยกทรัพย์สินขายทอดตลาด จึงเป็นที่สุดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 309 วรรคสอง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ร่วมกันชำระเงินจำนวน 243,816,359.66 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 12 ต่อปี ของต้นเงิน 195,000,000 บาท นับแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2548 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ หากจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ไม่ชำระหรือชำระไม่ครบถ้วนให้ยึดทรัพย์จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 6750, 8881 และ 138258 ตำบลสามเสนใน (บางซื่อฝั่งใต้) อำเภอพญาไท (บางซื่อ) กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างและทรัพย์จำนำคือหุ้นของจำเลยที่ 1 ออกขายทอดตลาดนำเงินมาใช้หนี้โจทก์ หากไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ออกขายทอดตลาดนำเงินมาใช้หนี้โจทก์ครบถ้วนฯ
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีเปลี่ยนแปลงวิธีการขายทอดตลาดทรัพย์ ดำเนินการขายทรัพย์โดยขายแยกเป็น 3 แปลง และขายครั้งละ 1 แปลง พร้อมทั้งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินราคาที่ดินแต่ละแปลงใหม่
โจทก์ยื่นคำคัดค้าน ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของจำเลยที่ 1
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คำสั่งศาลเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 วรรคท้าย
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยประการแรกตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องของจำเลยที่ 1 เป็นที่สุดหรือไม่ เห็นว่า ในชั้นบังคับคดี เมื่อจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งแบ่งที่ดินที่ยึดออกเป็น 3 แปลง แล้วขายแยกทีละแปลงเพื่อให้ขายทรัพย์สินได้ในราคาที่สูงขึ้น การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า การบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่อาจแยกการขายทอดตลาดทรัพย์ตามที่จำเลยที่ 1 ร้องขอได้ เนื่องจากที่ดินทั้งสามแปลงเป็นส่วนประกอบของสิ่งปลูกสร้างเพื่อใช้ประโยชน์ในกิจการโรงแรม การแยกขายที่ดินไม่มีประโยชน์แก่การบังคับคดี ไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีการขายทอดตลาดทรัพย์ตามที่จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้อง ยกคำร้องของจำเลยที่ 1 เป็นคำสั่งชี้ขาดในเรื่องให้รวมหรือแยกทรัพย์สินขายทอดตลาดจึงเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 วรรคสอง จำเลยที่ 1 ไม่มีสิทธิฎีกาปัญหานี้ การที่ศาลชั้นต้นรับฎีกานี้มา เป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
ปัญหาประการต่อไปว่า คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยที่ 1 เลื่อนคดีด้วยเหตุความเจ็บป่วยของกรรมการของจำเลยที่ 1 และไม่ไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ 1 ก่อน เป็นการไม่ชอบหรือไม่ เห็นว่า เมื่อวินิจฉัยแล้วว่าคำสั่งชี้ขาดเรื่องการให้รวมหรือแยกขายทอดตลาดของศาลชั้นต้นซึ่งเป็นประเด็นหลักถึงที่สุดแล้ว ปัญหาว่าศาลไม่ไต่สวนก่อนมีคำสั่ง และไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีของจำเลยที่ 1 ก็ล้วนแต่เป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาลชั้นต้นเพื่อนำไปสู่การโต้แย้งว่า คำสั่งชี้ขาดของศาลชั้นต้นในเรื่องรวมหรือแยกทรัพย์สินขายทอดตลาดซึ่งกฎหมายบัญญัติให้เป็นที่สุดแล้วไม่ชอบ ปัญหาข้อนี้จึงต้องอยู่ภายใต้บังคับการห้ามฎีกาเช่นเดียวกัน คำสั่งศาลชั้นต้นย่อมเป็นที่สุด ที่ศาลชั้นต้นรับฎีกาปัญหาข้อนี้มา จึงเป็นการไม่ชอบเช่นกัน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายกฎีกาจำเลยที่ 1 ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share