แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งผู้ร้องที่ 2 และผู้คัดค้าน เป็นผู้จัดการมรดกร่วมกันของ ช. การที่ผู้ร้องที่ 2 และที่ 3 ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านเป็นเพียงผู้พยาบาลขณะที่ผู้ตายป่วย มิได้เป็นภริยาของผู้ตาย โดยได้ค่าจ้างจากผู้ตายเป็นรายเดือน ถือไม่ได้ว่าร่วมทำมาหาได้ร่วมกันกับผู้ตาย ไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียและไม่มีสิทธิร้องขอจัดการมรดก เช่นนี้แล้ว ฎีกาของผู้ร้องที่ 2 และที่ 3 ที่ว่าผู้คัดค้านไม่อาจอ้างว่าอยู่กินฉันสามีภริยากับผู้ตายและทำมาหาได้ร่วมกับผู้ตาย เพราะยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ผู้ตายหย่าขาดจากผู้ร้องที่ 1 จึงเป็นการอ้างเหตุที่ผู้คัดค้านไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียและไม่มีสิทธิร้องขอจัดการมรดก นอกเหนือจากคำคัดค้านของผู้ร้องที่ 2 และที่ 3 จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลล่างทั้งสอง ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง (เดิม) ทั้งมิใช่ปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้องขอของผู้ร้องและตั้งให้ผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
นายเดชาและนายยุทธนา ยื่นคำร้องคัดค้านทำนองเดียวกันและแก้ไขคำคัดค้านว่า นายเดชาและนายยุทธนาเป็นบุตรของผู้ร้องกับผู้ตาย จึงเป็นทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของผู้ตาย นายเดชาและนายยุทธนาไม่เป็นบุคคลต้องห้ามตามกฎหมายไม่ให้เป็นผู้จัดการมรดก ประสงค์ที่จะเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกับผู้ร้อง ผู้คัดค้านเป็นเพียงผู้พยาบาลขณะที่ผู้ตายป่วย ไม่ได้เป็นทายาทหรือภริยาผู้ตาย ผู้คัดค้านได้ค่าจ้างจากผู้ตายเป็นรายเดือน ถือไม่ได้ว่าร่วมทำมาหาได้ร่วมกันกับผู้ตาย จึงไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียและไม่มีสิทธิร้องขอจัดการมรดก และหากผู้คัดค้านมีการทำมาหาได้ร่วมกับผู้ตาย ก็มีสิทธิเฉพาะส่วนที่ทำมาหาได้เท่านั้น ขอให้ยกคำคัดค้านของผู้คัดค้านกับตั้งนายเดชาและนายยุทธนา เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
ระหว่างพิจารณาศาลชั้นต้นให้เรียกผู้ร้อง นายเดชาและนายยุทธนา ว่าผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 และ ที่ 3 ตามลำดับ และเรียกนางสาวรัชนิดา ว่าผู้คัดค้าน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้ง นายเดชา ผู้ร้องที่ 2 และนางสาวรัชนิดา ผู้คัดค้าน เป็นผู้จัดการมรดกของนายชาลี ผู้ตาย ร่วมกันกับให้มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย ให้ยกคำร้องขอของผู้ร้องที่ 1 และที่ 3 ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งหมดให้เป็นพับ
ผู้ร้องที่ 2 และที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องที่ 2 และที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาตามฎีกาของผู้ร้องที่ 2 และที่ 3 ที่ว่า ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าผู้คัดค้านอยู่กินฉันสามีภริยากับผู้ตายและช่วยกันทำมาหาได้ซึ่งทรัพย์สิน ไม่ชอบ เพราะคดีที่ผู้ตายได้ฟ้องหย่าขาดจากผู้ร้องที่ 1 ยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ต้องถือว่าผู้ร้องที่ 1 เป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย ผู้คัดค้านไม่อาจอ้างว่าอยู่กินฉันสามีภริยากับผู้ตายและทำมาหาได้ร่วมกับผู้ตาย ผู้คัดค้านจึงไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียในการขอจัดการมรดก จึงคงเหลือผู้ร้องที่ 3 ที่สมควรเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกับผู้ร้องที่ 2 นั้น เห็นว่า ผู้ร้องที่ 2 และที่ 3 ยื่นคำคัดค้านเพียงว่าผู้คัดค้านเป็นเพียงผู้พยาบาลขณะที่ผู้ตายป่วย ไม่ได้เป็นภริยาผู้ตาย ผู้คัดค้านได้ค่าจ้างจากผู้ตายเป็นรายเดือน ถือไม่ได้ว่าร่วมทำมาหาได้ร่วมกันกับผู้ตาย จึงไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียและไม่มีสิทธิร้องขอจัดการมรดก และผู้ร้องที่ 3 แก้ไขเพิ่มเติมคำคัดค้านว่าหากผู้คัดค้านมีการทำมาหาได้ร่วมกับผู้ตาย ก็มีสิทธิเฉพาะส่วนที่ทำมาหาได้เท่านั้น โดยผู้ร้องที่ 2 และที่ 3 มิได้อ้างว่าผู้คัดค้านไม่อาจอ้างว่าอยู่กินฉันสามีภริยากับผู้ตายและทำมาหาได้ร่วมกับผู้ตาย เพราะยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ผู้ตายหย่าขาดจากผู้ร้องที่ 1 แต่อย่างใด ฎีกาของผู้ร้องที่ 2 และที่ 3 เป็นการอ้างเหตุที่ผู้คัดค้านไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียและไม่มีสิทธิร้องขอจัดการมรดกนอกเหนือจากคำคัดค้านของผู้ร้องที่ 2 และที่ 3 จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลล่างทั้งสอง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง (เดิม) ทั้งมิใช่ปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาของผู้ร้องที่ 2 และที่ 3 คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมดให้แก่ผู้ร้องที่ 2 และที่ 3 ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกานอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ