คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6549/2560

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามฟ้องคดีนี้เป็นคดีอาญาและคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องคดีอาญา และศาลชั้นต้นที่พิจารณาคดีเป็นศาลจังหวัด จึงเป็นศาลที่มีอำนาจพิจารณาทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา ที่ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีไม่มีมูลและพิพากษายกฟ้องนั้น เป็นการพิจารณาพิพากษาเฉพาะคดีส่วนอาญาเท่านั้น ฟ้องของโจทก์ยังคงมีคดีส่วนแพ่งที่ต้องพิจารณาสั่งต่อไปว่าจะรับไว้พิจารณาหรือไม่ ทั้งนี้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 40 แต่ศาลชั้นต้นมิได้มีคำสั่งอย่างใดเกี่ยวกับคดีแพ่งดังกล่าว ส่วนที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และที่ 5 ถึงที่ 11 ไม่ต้องรับผิดในคดีส่วนแพ่งนั้น ก็เป็นการที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ก้าวล่วงไปวินิจฉัยโดยที่ศาลชั้นต้นยังไม่ได้มีคำสั่งรับฟ้องของโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และที่ 5 ถึงที่ 11 ในคดีส่วนแพ่งไว้พิจารณา กรณีเป็นเรื่องปรากฏเหตุที่ศาลล่างทั้งสองมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติว่าด้วยการพิจารณาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 243 (2) ประกอบมาตรา 247 (เดิม) และ ป.วิ.อ. มาตรา 40 ศาลฎีกาเห็นสมควรย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งคำฟ้องของโจทก์ในคดีส่วนแพ่งต่อไป
การอุทธรณ์หรือฎีกาคำสั่งที่ว่าคดีไม่มีมูลมีปัญหาเฉพาะคดีส่วนอาญาว่ามีมูลที่ศาลจะประทับฟ้องไว้หรือไม่เท่านั้น โจทก์จึงไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์หรือฎีกาสำหรับคดีส่วนแพ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสิบเอ็ดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 137, 264, 265, 268, 326, 328 ให้จำเลยทั้งสิบเอ็ดร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย 3,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ กับให้จำเลยทั้งสิบเอ็ดร่วมกันลงโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฟ้าหลวง อาณาจักรพายัพและหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับอื่น ๆ ทุกฉบับที่วางจำหน่ายในจังหวัดเชียงรายอย่างละ 1 ฉบับ โดยจำเลยทั้งสิบเอ็ดเป็นผู้ชำระค่าโฆษณา
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ประทับฟ้องจำเลยที่ 4 เฉพาะข้อหาหมิ่นประมาทตามฟ้องข้อ 9 และให้รับฟ้องคดีส่วนแพ่งสำหรับจำเลยที่ 4 ไว้พิจารณา ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และที่ 5 ถึงที่ 11 ทั้งสองศาลให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉับว่า สำหรับคดีส่วนอาญา ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีโจทก์ไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาแก้ให้ประทับฟ้องจำเลยที่ 4 เฉพาะข้อหาหมิ่นประมาทตามฟ้องข้อ 9 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เท่ากับว่าคดีโจทก์ในส่วนของจำเลยที่ 4 อีก 8 ข้อหา ตามฟ้องข้อ 1 ถึงข้อ 8 และฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และที่ 5 ถึงที่ 11 นั้น ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ได้พิพากษายืนให้ยกฟ้องโจทก์ ดังนั้นข้อหาทั้ง 8 ข้อหาดังกล่าวในส่วนของจำเลยที่ 4 และคดีสำหรับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และที่ 5 ถึงที่ 11 ทุกข้อหาจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาไม่ว่าจะเป็นปัญหาข้อเท็จจริงหรือปัญหาข้อกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ที่ศาลชั้นต้นรับฎีกาของโจทก์ในคดีส่วนอาญาไว้จึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ต้องสั่งคืนค่าธรรมเนียมศาลให้แก่โจทก์หรือไม่ นั้น เห็นว่า ตามฟ้องคดีนี้เป็นคดีอาญาและคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องคดีอาญา และศาลชั้นต้นที่พิจารณาคดีเป็นศาลจังหวัด จึงเป็นศาลที่มีอำนาจพิจารณาทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา ที่ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีไม่มีมูลและพิพากษายกฟ้องนั้น เป็นการพิจารณาพิพากษาเฉพาะคดีส่วนอาญาเท่านั้น ฟ้องของโจทก์ยังคงมีคดีส่วนแพ่งที่ต้องพิจารณาสั่งต่อไปว่าจะรับไว้พิจารณาหรือไม่ ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 40 แต่ศาลชั้นต้นมิได้มีคำสั่งอย่างใดเกี่ยวกับคดีแพ่งดังกล่าว ส่วนที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และที่ 5 ถึงที่ 11 ไม่ต้องรับผิดในคดีส่วนแพ่งนั้น ก็เป็นการที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ก้าวล่วงไปวินิจฉัยโดยที่ศาลชั้นต้นยังไม่ได้มีคำสั่งรับฟ้องของโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และที่ 5 ถึงที่ 11 ในคดีส่วนแพ่งไว้พิจารณา กรณีเป็นเรื่องปรากฏเหตุที่ศาลล่างทั้งสองมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติว่าด้วยการพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243 (2) ประกอบมาตรา 247 (เดิม) และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 40 ศาลฎีกาเห็นสมควรย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งคำฟ้องของโจทก์ในคดีส่วนแพ่งต่อไป
อนึ่ง ในชั้นนี้คดีมีปัญหาเฉพาะคดีส่วนอาญาว่ามีมูลที่ศาลจะประทับฟ้องไว้หรือไม่เท่านั้น ไม่เป็นปัญหาต้องวินิจฉัยในส่วนคดีแพ่ง โจทก์จึงไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ชั้นฎีกาสำหรับคดีส่วนแพ่ง แต่โจทก์ยื่นฎีกาโดยเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกามาด้วย จึงให้คืนแก่โจทก์
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5 ที่ไม่รับฟ้องคดีส่วนแพ่งสำหรับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และที่ 5 ถึงที่ 11 ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งคำฟ้องของโจทก์ในคดีส่วนแพ่ง สำหรับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และที่ 5 ถึงที่ 11 ว่าจะรับไว้พิจารณาหรือไม่ แล้วดำเนินการตามรูปคดีต่อไป คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาให้แก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมนอกจากที่สั่งคืนให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งในชั้นพิจารณาและมีคำสั่งหรือคำพิพากษาในคดีส่วนแพ่ง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5

Share