คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5309/2560

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลางเป็นโทรศัพท์เครื่องเดียวกันกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่สายลับใช้โทรศัพท์ติดต่อขอซื้อเมทแอมเฟตามีน โทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลางจึงเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในข้อหามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันพึงริบเสีย ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 102

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 100/1, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83 ริบโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสาม ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกตลอดชีวิตและปรับ 900,000 บาท ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 คงจำคุก 33 ปี 4 เดือน และปรับ 600,000 บาท หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 โดยให้กักขังแทนค่าปรับได้ไม่เกิน 2 ปี ริบโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอที่ให้ริบโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลาง โดยให้คืนแก่เจ้าของ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลางเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดอันพึงริบหรือไม่ ข้อเท็จจริงเบื้องต้นที่ศาลอุทธรณ์รับฟังมาได้ความว่า ก่อนเกิดเหตุคดีนี้พันตำรวจโทสวัสดิ์ ร้อยตำรวจโทเทพพิภพกับพวก วางแผนล่อซื้อเมทแอมเฟตามีน 4,000 เม็ด ราคา 400,000 บาท จากนายสราวุธหรือเบียร์ ซึ่งเป็นสามีของจำเลยและพักอาศัยอยู่ที่อาคารพาณิชย์ที่เกิดเหตุด้วยกัน โดยให้สายลับใช้โทรศัพท์ติดต่อขอซื้อเมทแอมเฟตามีนจำนวนดังกล่าว นายสราวุธแจ้งสายลับให้โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของจำเลยและจะให้จำเลยไปรอตรวจสอบที่ตู้เอทีเอ็มของธนาคาร หากพบว่ามีการโอนเงินแล้วจึงจะมอบเมทแอมเฟตามีนให้ พันตำรวจโทสวัสดิ์ขอยืมเงินจากทางราชการได้ไม่ทัน จึงให้สายลับไปพบนายสราวุธที่อาคารพาณิชย์เพื่อขอดูเมทแอมเฟตามีนก่อน หากเห็นว่ามีอยู่จริงให้โทรศัพท์แจ้งพันตำรวจโทสวัสดิ์ทราบ โดยระบุว่าให้โอนเงินเข้าบัญชีได้ เพื่อพันตำรวจโทสวัสดิ์กับพวกจะได้เข้าจับกุม ต่อมาตามวันเวลาเกิดเหตุพันตำรวจโทสวัสดิ์กับพวกพร้อมสายลับเดินทางไปที่อาคารพาณิชย์ที่เกิดเหตุ สายลับเข้าไปพบนายสราวุธแล้วขอดูเมทแอมเฟตามีนตามแผนการ นายสราวุธให้นายณัฐพลหรือแป๊บนำเมทแอมเฟตามีนมาให้สายลับตรวจสอบ เมื่อสายลับเห็นว่ามีเมทแอมเฟตามีนอยู่จริง จึงโทรศัพท์แจ้งพันตำรวจโทสวัสดิ์กับพวกทราบ เจ้าพนักงานตำรวจจึงเข้าจับกุมนายณัฐพล และยึดเมทแอมเฟตามีน 4,000 เม็ด จากสายลับ กับยึดสมุดบัญชีเงินฝากในธนาคารมีชื่อจำเลยเป็นเจ้าของ 6 เล่ม สมุดบัญชีรับจ่าย 1 เล่ม บัตรเอทีเอ็ม 1 ใบ โทรศัพท์เคลื่อนที่ 1 เครื่อง และภาพถ่ายของจำเลยกับนายสราวุธ 1 ใบ เป็นของกลาง ซึ่งปรากฏว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลาง เป็นโทรศัพท์เครื่องเดียวกันกับโทรศัพท์ที่สายลับใช้โทรติดต่อขอซื้อเมทแอมเฟตามีน เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงตามที่ได้ความในทางพิจารณาดังกล่าวข้างต้นว่า โทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลางดังกล่าว จำเลยกับพวกได้นำมาใช้ติดต่อซื้อขายเมทแอมเฟตามีนของกลางในคดีนี้ โทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลางจึงเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในข้อหามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันพึงริบเสียทั้งสิ้น ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 102 ที่ศาลอุทธรณ์ไม่ริบโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลาง ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ริบโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share