คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10287/2559

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การร้องขอให้เพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่ ผู้คัดค้านมีข้อบังคับกำหนดเวลาให้สมาชิกต้องดำเนินการยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนมติที่ประชุมที่ฝ่าฝืนต่อกฎหมายหรือข้อบังคับต่อศาลภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ลงมติดังกล่าว เมื่อตามคำร้องขอของผู้ร้องมีการกล่าวอ้างว่าการลงมติที่ประชุมใหญ่สมาชิกสามัญของผู้คัดค้านได้กระทำไปโดยมิชอบด้วยกฎหมายและข้อบังคับของผู้คัดค้านโดยมีคำขอให้เพิกถอนมติที่ประชุมดังกล่าว ผู้ร้องจะต้องยื่นคำร้องขอต่อศาลภายในกำหนดสามสิบวันนับแต่วันลงมตินั้น เมื่อมติที่ประชุมใหญ่ที่ผู้ร้องขอให้เพิกถอนนั้นมีการลงมติเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2555 แต่ผู้ร้องมายื่นคำร้องต่อศาลขอให้เพิกถอนเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2557 จึงพ้นกำหนดเวลาที่จะร้องขอต่อศาลตามข้อบังคับดังกล่าว ผู้ร้องจึงหมดสิทธิที่จะยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนมติที่ประชุมดังกล่าวและปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นกล่าวอ้าง ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5) ประกอบมาตรา 246 และมาตรา 247

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2555 ฉบับลงวันที่ 11 มีนาคม 2555 ที่ใช้ถนนสายหลักทำที่จอดรถดังกล่าว ขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ที่ประชุมใหญ่ของผู้คัดค้านมีมติให้ใช้ประโยชน์จากถนนของโครงการหมู่บ้านแตกต่างไปจากผังของโครงการ หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลแทนการแสดงเจตนาของผู้คัดค้าน
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้องขอ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอ ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างบ้านเลขที่ 450/65 ถนนกัลปพฤกษ์ แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร และเป็นสมาชิกนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรโกลเด้น เลเจ้นด์ ผู้คัดค้านซึ่งจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรตามพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ.2543 โดยผู้คัดค้านมีอำนาจหน้าที่บริหารจัดการดูแลทรัพย์สินอันเป็นสาธารณูปโภค และกระทำการเพื่อประโยชน์สูงสุดในการอยู่อาศัยของสมาชิกหมู่บ้านจัดสรรตลอดจนมีอำนาจออกข้อบังคับกำหนดระเบียบเกี่ยวกับการใช้สาธารณูปโภค การอยู่อาศัยและการจราจรภายในที่จัดสรรเพื่อใช้บังคับแก่สมาชิกของผู้คัดค้าน ต่อมาเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2555 ผู้คัดค้านได้จัดให้มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2555 ครั้งที่ 1/2555 ที่ประชุมได้ลงมติเรื่องการตีเส้นจอดรถบริเวณพื้นที่ส่วนกลาง ตามรายงานการประชุม
คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยก่อนว่า ผู้ร้องมีอำนาจยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปีดังกล่าวได้หรือไม่ เห็นว่า ตามข้อบังคับของผู้คัดค้าน เกี่ยวกับการประชุมใหญ่ ข้อ 45 ระบุว่า “ในการประชุมใหญ่ครั้งใด ถ้าได้มีการประชุมหรือการลงมติโดยไม่ปฏิบัติตามหรือฝ่าฝืนกฎหมายหรือข้อบังคับ สมาชิกอาจร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนมติในการประชุมครั้งนั้นได้ แต่ต้องร้องขอต่อศาลภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ที่ประชุมใหญ่ลงมติ” แสดงว่า ในการร้องขอให้เพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่ได้มีข้อบังคับของผู้คัดค้านกำหนดเวลาให้สมาชิกต้องรีบดำเนินการยื่นคำร้องขอต่อศาลให้เพิกถอนมติที่ประชุมที่ฝ่าฝืนต่อกฎหมายหรือข้อบังคับต่อศาลภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ลงมติดังกล่าว ดังนั้น เมื่อตามคำร้องขอของผู้ร้องมีการกล่าวอ้างว่าการลงมติที่ประชุมใหญ่สมาชิกสามัญของผู้คัดค้านได้กระทำไปโดยมิชอบด้วยกฎหมายและข้อบังคับของผู้คัดค้าน โดยมีคำขอให้เพิกถอนมติที่ประชุมดังกล่าว กรณีจึงเป็นเรื่องเกี่ยวกับการร้องขอให้เพิกถอนมติของที่ประชุมใหญ่ที่ลงมติฝ่าฝืนกฎหมายหรือข้อบังคับตามความหมายแห่งข้อบังคับของผู้คัดค้านดังกล่าว ซึ่งจะต้องยื่นคำร้องขอต่อศาลภายในกำหนดสามสิบวันนับแต่วันลงมตินั้น เมื่อปรากฏว่ามติที่ประชุมใหญ่ที่ผู้ร้องขอให้เพิกถอนนั้น ได้มีการลงมติเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2555 แต่ผู้ร้องมายื่นคำร้องต่อศาลขอให้เพิกถอนเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2557 จึงพ้นกำหนดเวลาที่จะร้องขอต่อศาลตามข้อบังคับดังกล่าว ผู้ร้องจึงหมดสิทธิที่จะยื่นคำร้องดังกล่าวและปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นกล่าวอ้าง ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (5) ประกอบมาตรา 246 และมาตรา 247 ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกคำร้องนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล กรณีจึงไม่จำต้องวินิจฉัยในประเด็นตามฎีกาของผู้ร้องอีก
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share