คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1048/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยจุดไฟเผาเรียวไผ่ที่โคนกอไผ่ขณะที่ลมกำลังแรงและที่ตรงนั้นก็มีป่าไผ่ติดต่อกันอยู่เป็นพืดตั้ง 20 กอ แห้งบ้าง สดบ้าง และใกล้ ๆ นั้นก็มีบ้านเรือนของราษฎรอยู่กันหลายหลัง จึงเป็นเรื่องที่น่ากลัวจะเป็นอันตรายแก่ทรัพย์สินของผู้อื่น มีผู้ห้ามจำเลยจำเลยก็ไม่เชื่อฟังขืนจุดจนได้ จึงเป็นเหตุให้ไฟไหม้กอไผ่ขึ้น แล้วลูกไฟปลิวตกไหม้บ้านเรือนผู้เสียหายหมด ดังนี้ ความผิดของจำเลยเลยต้องด้วย ก.ม.อาญามาตรา 187-186 ไม่ใช่เรื่องทำให้ไฟไหม้โดยประมาทตาม ม.201 (1)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจจุดไฟเผากองไม้โดยลักษณะน่ากลัวอันตราย และจำเลยไม่ได้ใช้ความระมัดระวังเพราะเป็นเวลาลมแรง ไฟที่จำเลยจุดได้ลุกลามไหม้กอไผ่แล้วลูกไฟปลิวไปตกและไหม้เรือนอันเป็นเคหะสถานของนายเฮียง รวมทั้งทรัพย์สมบัติอื่นที่อยู่ในเรือนรวมค่าเสียหาย ๕๗๑๘ บาท ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๑๘๗,๑๘๖ ตามที่แก้ไข พ.ศ.๒๔๗๕ มาตรา ๔-๕
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๑๘๗,๑๘๖ ให้จำคุก ๑๐ ปี ลดฐานปราณีกึ่งหนึ่งคงจำคุก ๕ ปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยผิดตามมาตรา ๒๐๑ ข้อ ๑ ให้จำคุก ๖ เดือน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ในที่ที่จำเลยจุดไฟขึ้นมีป่าไผ่ติดต่อกันอยู่เป็นพืดตั้ง ๒๐ กอ แห้งบ้าง สดบ้าง และใกล้ ๆ ห้วยทั้งสองฝั่งก็มีบ้านเรือนราษฎรอยู่กันหลายหลัง ในการที่จำเลยมาจุดเผาเรียวไผ่ที่โคนกอไผ่ในเวลากลางวันขณะลมกำลังแรง จึงเป็นเรื่องที่น่ากลัวจะเป็นอันตรายแก่ทรัพย์สินของผู้อื่น และเมื่อมีผู้ห้ามจำเลยแล้ว จำเลยก็ยังไม่เชื่อฟังขืนจุดจนได้ จึงเป็นเหตุให้ไฟไหม้กอไผ่ขึ้นแล้วลูกไฟปลิวไปตกไหม้บ้านเรือนผู้เสียหายหมด ความผิดของจำเลยจึงต้องด้วย ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๑๘๗,๑๘๖ ที่แก้ไขเพิ่มเติม ๒๔๗๕ มาตรา ๕ มิใช่เป็นเรื่องทำให้ไฟไหม้โดยประมาทดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมา
จึงพิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดดังกล่าวมาแล้ว

Share