คำวินิจฉัยที่ 101/2559

แหล่งที่มา : ส่วนเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ

ย่อสั้น

คดีที่เอกชนยื่นฟ้องหน่วยงานทางปกครอง กล่าวหาว่า ก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กและบ่อพักท่อระบายน้ำรุกล้ำเข้ามาในที่ดินมีโฉนด ขอให้ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งให้รื้อถอนถนนคอนกรีตเสริมเหล็กพร้อมบ่อพักท่อระบายน้ำออกจากที่ดิน และส่งมอบที่ดินคืนในสภาพเรียบร้อย หรือชดใช้ค่าเสียหาย โดยผู้ถูกฟ้องคดีให้การโต้แย้งว่าเป็นที่สาธารณประโยชน์ เป็นกรณีที่ผู้ฟ้องคดีและผู้ถูกฟ้องคดีโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินเป็นสำคัญ จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

ย่อยาว

(สำเนา)

คำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
ที่ ๑๐๑/๒๕๕๙

วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๙

เรื่อง คดีเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน

ศาลปกครองกลาง
ระหว่าง
ศาลจังหวัดตลิ่งชัน

การส่งเรื่องต่อคณะกรรมการ
ศาลปกครองกลางโดยสำนักงานศาลปกครองส่งเรื่องให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลวินิจฉัยชี้ขาดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง (๓) ซึ่งเป็นกรณีคู่ความฝ่ายที่ถูกฟ้องโต้แย้งเขตอำนาจศาลที่รับฟ้องคดี และศาลที่ส่งความเห็นและศาลที่รับความเห็นมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องเขตอำนาจศาลในคดีนั้น

ข้อเท็จจริงในคดี
เมื่อวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘ นายกฤตพสิษฐ์ ลีลาธุวานนท์ ผู้ฟ้องคดี ยื่นฟ้อง กรุงเทพมหานคร ผู้ถูกฟ้องคดี ต่อศาลปกครองกลาง เป็นคดีหมายเลขดำที่ ๑๓๐๑/๒๕๕๘ ความว่า ผู้ฟ้องคดีเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงโฉนดที่ดินเลขที่ ๗๘๓๗ ตำบลบางบำหรุ (บางกรวยฝั่งใต้) อำเภอบางกอกน้อย (บางใหญ่) กรุงเทพมหานคร ปัจจุบันได้แก้ไขเปลี่ยนแปลงเป็นโฉนดที่ดินเลขที่ ๑๑๐๔๓๒ ตำบลตลิ่งชัน อำเภอตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ ๒ ไร่ ๕๐.๗ ตารางวา โดยผู้ฟ้องคดีได้ซื้อมาจากเจ้าของกรรมสิทธิ์เดิม เมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๗ ผู้ฟ้องคดียื่นคำขอรังวัดแบ่งแยกที่ดินต่อสำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขาบางกอกน้อย ให้แก่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ตามสัญญาซื้อขายและค่าทดแทนทรัพย์สินที่ถูกเวนคืนเพื่อสร้างทางพิเศษศรีรัช – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ในกรณีที่ไม่อาจตกลงกันได้ในเรื่องจำนวนเงินค่าทดแทน ลงวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ โดยนัดทำการรังวัดแบ่งแยกที่ดินในวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๗ ในวันรังวัดผู้ฟ้องคดีพบว่า
ผู้ถูกฟ้องคดีได้ก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กและบ่อพักท่อระบายน้ำซึ่งได้สร้างขึ้นเพื่อใช้สำหรับเป็นทางสัญจรทั่วไปรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของผู้ฟ้องคดีเป็นแนวยาวตลอดทั้งแปลง เนื้อที่ ๓๔.๒ ตารางวา และเจ้าหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดีคัดค้านการรังวัด โดยอ้างว่าที่ดินบางส่วนมีสภาพเป็นทางสาธารณประโยชน์ ต่อมาเจ้าพนักงานที่ดินได้สอบสวนไกล่เกลี่ยแล้ว แต่ไม่อาจตกลงกันได้ จึงแจ้งให้คู่กรณีไปใช้สิทธิทางศาล ผู้ฟ้องคดีเห็นว่า การก่อสร้างถนนรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของผู้ฟ้องคดี เป็นการกระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดี ขอให้ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีรื้อถอนถนนคอนกรีตเสริมเหล็กพร้อมบ่อพักท่อระบายน้ำออกไปจากที่ดินที่รุกล้ำของผู้ฟ้องคดี เนื้อที่ ๓๔.๒ ตารางวา และส่งมอบที่ดินที่รุกล้ำคืนให้แก่ผู้ฟ้องคดีในสภาพเรียบร้อย หากไม่สามารถปฏิบัติได้ให้ผู้ถูกฟ้องคดีชดใช้ค่าเสียหาย เป็นเงิน ๑๓,๐๙๓,๗๔๓ บาท พร้อมดอกเบี้ย
ผู้ถูกฟ้องคดีให้การว่า ที่พิพาทอยู่ในแนวเขตถนน ซอยสิรินธร ๔ ซึ่งตกเป็นทางสาธารณประโยชน์โดยปริยายตั้งแต่ก่อนปี ๒๕๒๒ นอกจากนี้ศาลจังหวัดตลิ่งชัน เคยมีคำพิพากษาเป็นคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ส. ๔๘๙/๒๕๕๗ ระหว่างนางจิตวรี ขำเดช โจทก์ กับผู้อำนวยการเขตบางพลัด ที่ ๑ กับพวกรวม ๓ คน จำเลย พิพากษาว่าที่ดินเนื้อที่ ๑๘ ตารางวา ของโฉนดที่ดินเลขที่ ๖๘๘ ตกเป็นทางสาธารณะโดยปริยายเช่นกัน ซึ่งคดีดังกล่าวมีเหตุแห่งการฟ้องคดีเช่นเดียวกับคดีนี้ ผู้ถูกฟ้องคดีจึงมิได้รุกล้ำแนวเขตที่ดินของผู้ฟ้องคดี
ผู้ถูกฟ้องคดียื่นคำร้องโต้แย้งเขตอำนาจศาลว่า คดีนี้เป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรมศาลปกครองกลางพิจารณาแล้ว เห็นว่า ผู้ถูกฟ้องคดีมีฐานะเป็นนิติบุคคลและเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่น ตามมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. ๒๕๒๘ โดยมาตรา ๘๙ วรรคหนึ่ง (๖) แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว กำหนดให้ผู้ถูกฟ้องคดีมีอำนาจหน้าที่ดำเนินกิจการในเขตกรุงเทพมหานครในการจัดให้มีและบำรุงรักษาทางบก ทางน้ำ และทางระบายน้ำ ผู้ถูกฟ้องคดีจึงเป็นหน่วยงานทางปกครอง ตามความในมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งเมื่อพิจารณาคำฟ้องและคำขอในคดีนี้แล้วเห็นว่า เป็นกรณีที่ผู้ฟ้องคดีอ้างว่าได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายจากการที่ผู้ถูกฟ้องคดีก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กและบ่อพักท่อระบายน้ำรุกล้ำที่ดินของผู้ฟ้องคดี กรณีจึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดของหน่วยงานทางปกครองอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมายซึ่งอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ และมีประเด็นแห่งคดีที่ต้องวินิจฉัยว่า ผู้ถูกฟ้องคดีกระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดีหรือไม่ หากกระทำละเมิด ผู้ถูกฟ้องคดีต้องรื้อถอนถนนคอนกรีตเสริมเหล็กและบ่อพักท่อระบายน้ำส่วนที่รุกล้ำที่ดินของผู้ฟ้องคดี พร้อมทั้งส่งมอบที่ดินส่วนที่รุกล้ำดังกล่าวคืนให้แก่ผู้ฟ้องคดีในสภาพเรียบร้อย หรือผู้ถูกฟ้องคดีต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ฟ้องคดีหรือไม่เพียงใด ซึ่งแม้การที่ศาลจะวินิจฉัยในประเด็นดังกล่าวได้นั้น ศาลจะต้องพิจารณาว่าผู้ถูกฟ้องคดีได้ก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กและบ่อพักท่อระบายน้ำรุกล้ำที่ดินของผู้ฟ้องคดีหรือไม่ โดยศาลจำต้องแสวงหาข้อเท็จจริงและพิจารณาให้ได้ความเสียก่อนว่า ที่ดินในส่วนที่พิพาทเป็นที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ฟ้องคดี หรือเป็นที่ดินของรัฐประเภทที่สาธารณะหรือที่ราชพัสดุ ซึ่งเป็นประเด็นเกี่ยวพันกันที่ศาลจำต้องวินิจฉัยก่อนจึงจะวินิจฉัยประเด็นหลักแห่งคดีได้ก็ตาม แต่ประเด็นดังกล่าวเป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่ศาลจะต้องพิจารณาในเนื้อหาของคดี ซึ่งศาลปกครองมีอำนาจวินิจฉัยประเด็นเกี่ยวพันดังกล่าวได้ และแม้ว่าการพิจารณาในเรื่องกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในทรัพย์สินจะต้องพิจารณาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือประมวลกฎหมายที่ดินก็ตาม แต่การนำบทบัญญัติดังกล่าวมาใช้บังคับแก่คดีก็มิใช่เกณฑ์ที่จะพิจารณาว่า คดีอยู่ในอำนาจพิจารณาของศาลใด อีกทั้งไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดห้ามศาลปกครองแสวงหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินหรือมิให้นำบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวมาใช้บังคับแก่คดีได้ หรือมีบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดกำหนดให้เป็นอำนาจของศาลหนึ่งศาลใดไว้โดยเฉพาะ นอกจากนั้น มาตรา ๗๑ (๔) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้บัญญัติให้คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลปกครองที่เกี่ยวกับสิทธิแห่งทรัพย์สินใดๆ คู่กรณีที่เกี่ยวข้องอาจอ้างกับบุคคลภายนอกได้ เว้นแต่ บุคคลภายนอกจะมีสิทธิดีกว่า อันเป็นบทบัญญัติที่ยืนยันให้เห็นว่า ศาลปกครองมีอำนาจพิจารณาพิพากษาในเรื่องสิทธิแห่งทรัพย์สิน และสามารถนำบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวมาวินิจฉัยข้อพิพาทในคดีนี้ได้ ดังนั้น คดีนี้จึงเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒
ศาลจังหวัดตลิ่งชันพิจารณาแล้ว เห็นว่า คดีนี้ผู้ฟ้องคดีเป็นเอกชน ยื่นฟ้องผู้ถูกฟ้องคดีซึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครอง อ้างว่า ผู้ฟ้องคดีซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ ๗๘๓๗ ตำบลบางบำหรุ (บางกรวยฝั่งใต้) อำเภอบางกอกน้อย (บางใหญ่) กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ ๒ ไร่ ๕๐.๗ ตารางวา ต่อมาสำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขาบางกอกน้อย เปลี่ยนเลขที่โฉนดเป็น ๑๑๐๔๓๒ ตำบลตลิ่งชัน อำเภอตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร ในปี ๒๕๕๕ การทางพิเศษแห่งประเทศไทยเวนคืนที่ดินดังกล่าว เนื้อที่ ๘๐ ตารางวา เพื่อก่อสร้างทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ผู้ฟ้องคดีจึงยื่นคำขอรังวัดแบ่งแยกที่ดินต่อสำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขาบางกอกน้อย แต่ปรากฏว่าผู้ถูกฟ้องคดีสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กและบ่อพักท่อระบายน้ำเป็นทางสัญจรบุคคลทั่วไปรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของผู้ฟ้องคดีเป็นแนวยาวตลอดแปลง เนื้อที่ ๓๔.๒ ตารางวา จึงขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีรื้อถอนถนนคอนกรีตเสริมเหล็กและบ่อพักท่อระบายน้ำส่วนที่รุกล้ำที่ดินผู้ฟ้องคดี เนื้อที่ ๓๔.๒ ตารางวา พร้อมทั้งส่งมอบที่ดินส่วนที่รุกล้ำดังกล่าวคืนให้ผู้ฟ้องคดีในสภาพเรียบร้อย หากผู้ถูกฟ้องคดีไม่ปฏิบัติ ให้ผู้ถูกฟ้องคดีชดใช้ค่าเสียหายแทน ผู้ถูกฟ้องคดีให้การว่า ที่ดินพิพาทอยู่ในแนวเขตซอยสิรินธร ๔ ซึ่งเป็นถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก ประชาชนทั่วไปใช้เป็นทางสัญจร ไม่มีผู้ใดสงวนสิทธิหรือปิดกั้นมาเป็นเวลานานเกินกว่า ๑๐ ปี จึงตกเป็นทางสาธารณประโยชน์โดยปริยายมาก่อนปี ๒๕๒๒ ผู้ถูกฟ้องคดีไม่ได้รุกล้ำที่ดินของผู้ฟ้องคดี เห็นว่า แม้จะเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดของหน่วยงานทางปกครอง แต่ผู้ฟ้องคดีขอให้ศาลมีคำพิพากษารับรองคุ้มครองสิทธิในที่ดินของตน การที่ศาลจะพิพากษาตามคำขอของผู้ฟ้องคดีได้นั้น จะต้องพิจารณาให้ได้ความเสียก่อนว่า ที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ฟ้องคดีหรือเป็นที่สาธารณประโยชน์เป็นสำคัญ แล้วจึงจะพิจารณาประเด็นอื่นได้ต่อไป จึงเป็นคดีเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

คำวินิจฉัย
ปัญหาที่ต้องพิจารณา คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองหรือศาลยุติธรรม
คณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้เป็นคดีที่เอกชนยื่นฟ้องกรุงเทพมหานครซึ่งเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่น ตามมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. ๒๕๒๘ จึงมีฐานะเป็นหน่วยงานทางปกครอง ตามมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ แต่การที่ผู้ฟ้องคดีฟ้องกล่าวหาว่า ผู้ถูกฟ้องคดีก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กและบ่อพักท่อระบายน้ำรุกล้ำเข้ามาในที่ดินมีโฉนดของผู้ฟ้องคดี เนื้อที่ ๓๔.๒ ตารางวา โดยมีคำขอให้ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีรื้อถอนถนนคอนกรีตเสริมเหล็กพร้อมบ่อพักท่อระบายน้ำออกไปจากที่ดินของผู้ฟ้องคดี และส่งมอบที่ดินคืนให้แก่ผู้ฟ้องคดีในสภาพเรียบร้อย หรือชดใช้ค่าเสียหาย โดยผู้ถูกฟ้องคดีให้การโต้แย้งว่า ที่พิพาทอยู่ในแนวเขตถนนซึ่งตกเป็นทางสาธารณประโยชน์โดยปริยายตั้งแต่ก่อนปี ๒๕๒๒ ผู้ถูกฟ้องคดีมิได้ก่อสร้างถนนพร้อมบ่อพักท่อระบายน้ำรุกล้ำแนวเขตที่ดินของผู้ฟ้องคดี จึงเป็นกรณีที่ผู้ฟ้องคดีและผู้ถูกฟ้องคดีโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินเป็นสำคัญ ซึ่งหากศาลวินิจฉัยว่าที่ดินพิพาทเป็นของผู้ฟ้องคดี การก่อสร้างถนนและบ่อพักท่อระบายน้ำของผู้ถูกฟ้องคดีก็เป็นการกระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดี แต่หากที่ดินพิพาทตกเป็นที่สาธารณประโยชน์ ซึ่งอยู่ในการดูแลรักษาของผู้ถูกฟ้องคดีแล้วจะเป็นผลให้ผู้ถูกฟ้องคดีมีอำนาจเข้าไปบำรุงรักษาทางพิพาทได้ ไม่เป็นละเมิดต่อผู้ฟ้องคดี และทำให้ผู้ฟ้องคดีต้องเสียสิทธิในที่ดินส่วนพิพาท คำฟ้องของผู้ฟ้องคดีจึงมีความมุ่งหมายที่จะให้ศาลรับรองคุ้มครองสิทธิในที่ดินของผู้ฟ้องคดี ซึ่งมีข้อพิพาทเกี่ยวกับการโต้แย้งสิทธิกันระหว่างผู้ฟ้องคดีและผู้ถูกฟ้องคดีในฐานะผู้ดูแลรักษาและคุ้มครองที่สาธารณะ คดีนี้จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
จึงวินิจฉัยชี้ขาดว่า คดีระหว่าง นายกฤตพสิษฐ์ ลีลาธุวานนท์ ผู้ฟ้องคดี กรุงเทพมหานคร ผู้ถูกฟ้องคดี อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

(ลงชื่อ) วีระพล ตั้งสุวรรณ (ลงชื่อ) จิรนิติ หะวานนท์
(นายวีระพล ตั้งสุวรรณ) (นายจิรนิติ หะวานนท์)
ประธานศาลฎีกา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลยุติธรรม

(ลงชื่อ) ปิยะ ปะตังทา (ลงชื่อ) ชาญชัย แสวงศักดิ์
(นายปิยะ ปะตังทา) (นายชาญชัย แสวงศักดิ์)
ประธานศาลปกครองสูงสุด กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลปกครอง

(ลงชื่อ) พลเรือโท ปรีชาญ จามเจริญ (ลงชื่อ) พลตรี พัฒนพงษ์ เกิดอุดม
(ปรีชาญ จามเจริญ) (พัฒนพงษ์ เกิดอุดม)
หัวหน้าสำนักตุลาการทหาร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลทหาร

(ลงชื่อ) จิระ บุญพจนสุนทร
(นายจิระ บุญพจนสุนทร)
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ

Share