คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3988/2559

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา การที่ศาลชั้นต้นพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีของโจทก์ไปฝ่ายเดียวจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว ศาลชั้นต้นต้องมีคำสั่งยกคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ของจำเลย ส่วนที่ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาและพิพากษาคดีมิได้ลงลายมือชื่อในคำพิพากษาให้ครบองค์คณะ ซึ่งเป็นการมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 25 (4) นั้น ก็มีผลเพียงให้คำพิพากษาและกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นภายหลังไม่ชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น หามีผลให้ต้องเพิกถอนกระบวนพิจารณาก่อนมีคำพิพากษาด้วยไม่ ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นไม่ได้มีคำสั่งยกคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ของจำเลย แต่กลับให้เพิกถอนกระบวนพิจารณา โดยให้ดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่นับแต่การสืบพยานโจทก์เป็นต้นมาจึงเป็นการไม่ชอบ

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 481,250 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 350,000 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 28 มิถุนายน 2556) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยจงใจขาดนัดพิจารณา กรณีไม่มีเหตุอันสมควรที่จะให้มีการพิจารณาคดีใหม่ อย่างไรก็ตามศาลชั้นต้นตรวจสำนวนแล้วพบว่าองค์คณะผู้พิพากษาในการพิจารณาและพิพากษาคดีมิได้ลงลายมือชื่อในคำพิพากษา ซึ่งเป็นกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ จึงให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบและให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 เห็นว่า เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยจงใจขาดนัดพิจารณาการที่ศาลชั้นต้นพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีของโจทก์ไปฝ่ายเดียวจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว ศาลชั้นต้นต้องมีคำสั่งยกคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ของจำเลย ส่วนที่ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาและพิพากษาคดีมิได้ลงลายมือชื่อในคำพิพากษาให้ครบองค์คณะ ซึ่งเป็นการมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 25 (4) นั้น ก็มีผลเพียงให้คำพิพากษาและกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นภายหลังไม่ชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น หามีผลให้ต้องเพิกถอนกระบวนพิจารณาก่อนมีคำพิพากษาด้วยไม่ ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นไม่ได้มีคำสั่งยกคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ของจำเลย แต่กลับให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาโดยให้ดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่นับแต่การสืบพยานโจทก์เป็นต้นมาจึงเป็นการไม่ชอบ พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น และคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ ให้ศาลชั้นต้นทำคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี โดยให้มีผู้พิพากษาครบองค์คณะ ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฎีกาของจำเลยที่ว่า เมื่อศาลชั้นต้นรับคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ และมีคำสั่งให้ยกคดีขึ้นพิจารณา มีผลทำให้คำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่เป็นที่สุด และคดีนี้ทุนทรัพย์เกินสามแสนบาท การพิจารณาพิพากษาต้องมีผู้พิพากษาอย่างน้อย 2 คน แม้จะพิจารณาโดยขาดนัดก็ตาม เมื่อผู้พิพากษาศาลชั้นต้นนั่งพิจารณาไม่ครบองค์คณะตามกฎหมายก็ต้องเพิกถอนกระบวนพิจารณาตั้งแต่ชั้นพิจารณานั้น เห็นว่า เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 3 ได้วินิจฉัยไว้ถูกต้องแล้ว ศาลฎีกาจึงไม่รับคดีไว้พิจารณาพิพากษา ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 23 วรรคหนึ่ง
จึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความศาลฎีกา คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมดให้แก่จำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกานอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ

Share