คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 14411/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมของจำเลยทั้งสองในคดีแพ่งอีกสำนวนของศาลชั้นต้น และเป็นเจ้าหนี้ผู้รับจำนองของจำเลยที่ 2 ในทรัพย์จำนองที่ถูกยึดและขายทอดตลาดในคดีนี้ การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้บุริมสิทธิจำนอง ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 287 จึงเป็นการบังคับคดีตามคำพิพากษาของศาล ผู้ร้องได้รับยกเว้นไม่อยู่ในบังคับบทบัญญัติเรื่องการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามมาตรา 144 (5) ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความมิได้อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5), 246 และ 247 และกรณีไม่เป็นฟ้องซ้ำหรือร้องซ้ำ ดังนั้น แม้ผู้ร้องจะเคยยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้บุริมสิทธิจำนองมาก่อนและศาลชั้นต้นยกคำร้องไปแล้วก็ตาม ผู้ร้องก็ยังมีสิทธิยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้บุริมสิทธิจำนองอีก และเมื่อปรากฏว่าในการบังคับคดีนี้ยังมีเงินเหลืออยู่ ผู้ร้องจึงมีสิทธิได้รับเงินดังกล่าวในฐานะผู้รับจำนองก่อนเจ้าหนี้อื่น

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมให้จำเลยทั้งสองชำระเงิน 437,895.83 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 14 ต่อปี ของต้นเงิน 328,762.81 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ โดยชำระให้เสร็จสิ้นภายใน 6 เดือน นับแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ หากผิดนัดยอมให้โจทก์ยึดทรัพย์จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 62051 ตำบลคลองสอง (คลองซอยที่ 2 ฝั่งตะวันตก) อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี (ธัญบุรี) พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาด หากได้เงินสุทธิไม่พอชำระหนี้ให้ยึดหรืออายัดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองออกขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์จนครบถ้วน แต่จำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2550 เจ้าพนักงานบังคับคดีทำบัญชีแสดงรายการรับจ่ายเงินและชำระหนี้ให้โจทก์ครบถ้วนแล้ว ยังมีเงินเหลืออยู่อีก 509,228.25 บาท
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมอีกคดีหนึ่ง คือ คดีหมายเลขแดงที่ 10058/2548 ของศาลชั้นต้น และเป็นเจ้าหนี้ผู้รับจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 62051 ตำบลคลองสอง (คลองซอยที่ 2 ฝั่งตะวันตก) อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี (ธัญบุรี) พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 2 จำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอม ผู้ร้องจึงขอหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาด แต่ไม่อาจกระทำได้เพราะโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ผู้รับจำนองเช่นกันยึดทรัพย์ดังกล่าวออกขายทอดตลาดในคดีนี้แล้ว ขอให้ศาลมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีนำเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองส่วนที่เหลือชำระหนี้แก่ผู้ร้องก่อนเจ้าหนี้อื่น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่าโจทก์เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมของจำเลยทั้งสองและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 62051 ตำบลคลองสอง (คลองซอยที่ 2 ฝั่งตะวันตก) อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี (ธัญบุรี) พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 2 ออกขายทอดตลาด เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2550 เจ้าพนักงานบังคับคดีทำบัญชีแสดงรายการรับจ่ายเงินและชำระหนี้ให้โจทก์ครบถ้วนแล้วยังมีเงินเหลืออยู่อีก 509,228.25 บาท ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมของจำเลยทั้งสองอีกคดีหนึ่ง คือ คดีหมายเลขแดงที่ 10058/2548 ของศาลชั้นต้น และเป็นเจ้าหนี้ผู้รับจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 62051 ตำบลคลองสอง (คลองซอยที่ 2 ฝั่งตะวันตก) อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี (ธัญบุรี) พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 2 ด้วย จำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอม ผู้ร้องขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีแล้ว ก่อนคดีนี้เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2552 ผู้ร้องเคยยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้บุริมสิทธิจำนองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 มาแล้ว โดยอ้างเหตุว่าผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมในคดีหมายเลขแดงที่ 10058/2548 ของศาลชั้นต้น และเป็นเจ้าหนี้จำนอง ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้จากการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองก่อนเจ้าหนี้รายอื่น แต่ในวันนัดไต่สวนคำร้องผู้ร้องไม่มาศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ผู้ร้องไม่มีพยานมาไต่สวนให้ได้ความตามคำร้อง ให้ยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ คดีถึงที่สุด
มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า คำร้องของผู้ร้องเป็นการร้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 หรือไม่ เห็นว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมของจำเลยทั้งสองในคดีหมายเลขแดงที่ 10058/2548 ของศาลชั้นต้น และเป็นเจ้าหนี้ผู้รับจำนองของจำเลยที่ 2 ในทรัพย์จำนองที่ถูกยึดและขายทอดตลาดในคดีนี้ การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้บุริมสิทธิจำนองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 จึงเป็นการบังคับคดีตามคำพิพากษาของศาล ผู้ร้องได้รับยกเว้นไม่อยู่ในบังคับบทบัญญัติเรื่องการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามมาตรา 144 (5) ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความมิได้อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (5), 246 และ 247 และกรณีไม่เป็นฟ้องซ้ำหรือร้องซ้ำ ดังนั้น แม้ผู้ร้องจะเคยยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้บุริมสิทธิจำนองมาก่อนและศาลชั้นต้นยกคำร้องไปแล้วก็ตาม ผู้ร้องก็ยังมีสิทธิยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้บุริมสิทธิจำนองอีกและเมื่อปรากฏว่าในการบังคับคดีนี้ยังมีเงินเหลืออยู่อีก 509,228.25 บาท ผู้ร้องจึงมีสิทธิได้รับเงินดังกล่าวในฐานะผู้รับจำนองก่อนเจ้าหนี้อื่น ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ร้องฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีนำเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองส่วนที่เหลือชำระหนี้แก่ผู้ร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ

Share