คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15157/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีนี้ในชั้นตรวจคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้รายที่ 1 มีลูกหนี้ที่ 2 โต้แย้งคำขอรับชำระหนี้ดังกล่าว ต่อมาเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตรวจคำขอรับชำระหนี้และคำคัดค้านของลูกหนี้ที่ 2 แล้ว เห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้จึงมีคำสั่งงดสอบสวนพยานฝ่ายเจ้าหนี้และลูกหนี้ที่ 2 แล้วทำความเห็นเสนอต่อศาลล้มละลายกลางให้ยกคำขอรับชำระหนี้ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 107 (1) ต่อมาศาลล้มละลายกลางพิจารณาแล้วมีคำสั่งยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ คำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ซึ่งศาลได้มีคำสั่งแล้วดังกล่าว จึงล่วงพ้นกำหนดเวลาที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อาจขอแก้ไขความเห็นคำขอรับชำระหนี้ได้แล้ว ทั้งกรณีดังกล่าวไม่ใช่กรณีตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 108 (เดิม) ที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะขอให้ศาลมีคำสั่งแก้ไขคำขอรับชำระหนี้ได้ การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำร้องเพื่อขอแก้ไขความเห็นคำขอรับชำระหนี้จึงมิอาจกระทำได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ (จำเลย) ทั้งสองเด็ดขาด
เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในมูลหนี้ตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดสมุทรสงคราม คดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 511/2541 เป็นเงินรวม 2,494,886.50 บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ทั้งสองตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 94
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นัดตรวจคำขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 104 แล้ว ลูกหนี้ที่ 2 โต้แย้งว่า เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้เกินกำหนด 2 เดือน จึงไม่สามารถขอรับชำระหนี้ได้ ทั้งเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาบังคับคดีแล้ว คำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้จึงต้องห้ามตามกฎหมาย ดอกเบี้ยตามคำพิพากษาคดีแพ่งขาดอายุความ
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้ว เห็นว่า เจ้าหนี้ไม่ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนดเวลาตามกฎหมายและมูลหนี้ที่ขอรับชำระหนี้ขาดอายุความแล้ว เห็นควรยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้รายนี้เสียทั้งสิ้นตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 107 (1)
ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ต่อมาเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำร้องขอแก้ไขความเห็นคำขอรับชำระหนี้ ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งว่า ส่งศาลฎีกาเพื่อพิจารณา
เจ้าหนี้อุทธรณ์คำสั่งยกคำขอรับชำระหนี้ต่อศาลฎีกา
ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา เจ้าหนี้ยื่นคำร้องว่า ได้รับชำระหนี้ในส่วนลูกหนี้ที่ 2 จากบุคคลภายนอกแล้วจำนวน 947,100 บาท ขอถอนคำขอรับชำระหนี้ในส่วนลูกหนี้ที่ 2 ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งว่า รับคำร้อง สำเนาให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ส่งศาลฎีกาเพื่อพิจารณา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า ตามคำร้องของเจ้าหนี้ที่ขอถอนคำขอรับชำระหนี้ในส่วนของลูกหนี้ที่ 2 นั้น พอแปลได้ว่าเจ้าหนี้ประสงค์ขอถอนอุทธรณ์คำสั่งยกคำขอรับชำระหนี้ในส่วนของลูกหนี้ที่ 2 ด้วย จึงอนุญาตให้เจ้าหนี้ถอนอุทธรณ์ในส่วนของลูกหนี้ที่ 2 ได้จำหน่ายคดีในส่วนนี้ออกจากสารบบความของศาลฎีกา
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามคำร้องของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีสิทธิแก้ไขความเห็นคำขอรับชำระหนี้ตามคำร้องหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้ในชั้นตรวจคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้รายที่ 1 มีลูกหนี้ที่ 2 โต้แย้งคำขอรับชำระหนี้ดังกล่าว ต่อมาเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตรวจคำขอรับชำระหนี้และคำคัดค้านของลูกหนี้ที่ 2 แล้ว เห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้จึงมีคำสั่งงดสอบสวนพยานฝ่ายเจ้าหนี้และลูกหนี้ที่ 2 แล้วทำความเห็นต่อศาลล้มละลายกลางให้ยกคำขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 107 (1) ต่อมาศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ คำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ซึ่งศาลได้มีคำสั่งแล้วดังกล่าว จึงล่วงพ้นกำหนดเวลาที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อาจขอแก้ไขความเห็นคำขอรับชำระหนี้ได้แล้ว ทั้งกรณีดังกล่าวไม่ใช่กรณีตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 108 (เดิม) ที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะขอให้ศาลมีคำสั่งแก้ไขคำขอรับชำระหนี้ได้ การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขอแก้ไขความเห็นคำขอรับชำระหนี้ตามคำร้องจึงมิอาจกระทำได้ ให้ยกคำร้อง
พิพากษายกคำสั่งของศาลล้มละลายกลางที่ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้และให้รับคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ไว้ดำเนินการสอบสวนต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ

Share