คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 14536/2555

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตาม ป.อ. มาตรา 309 โดยไม่ได้ระบุวรรค เนื่องจาก ป.วิ.อ. มาตรา 158 (6) มิได้บังคับไว้เช่นนั้น แม้ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยทั้งสามพูดข่มขู่จะใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายทั้งสองให้ตายจนผู้เสียหายทั้งสองต้องย้ายที่พักอาศัยไปอยู่ที่บ้านพักเจ้าหน้าที่สวนป่าบางขนุน แตกต่างจากที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสามข่มขืนใจผู้เสียหายทั้งสองโดยมีอาวุธก็ตาม ก็มิใช่เป็นเรื่องข้อเท็จจริงในทางพิจารณาแตกต่างกับฟ้อง การที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยทั้งสามตาม ป.อ. มาตรา 309 วรรคแรก จึงเป็นการปรับบทกฎหมายให้ตรงตามข้อเท็จจริงที่รับฟังได้เท่านั้น และไม่เป็นการพิพากษาหรือสั่งเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคหนึ่ง วรรคสอง และวรรคสี่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309, 371, 392, 90, 91, 83 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8, ทวิ, 72, 72 ทวิ
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคแรก (ที่ถูก ประกอบมาตรา 83) จำคุกคนละ 2 ปี ข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสามข้อแรกว่าฟ้องโจทก์ในความผิดฐานร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ โดยมีอาวุธ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องในความผิดฐานดังกล่าวว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันข่มขืนใจผู้เสียหายทั้งสองซึ่งเป็นลูกจ้างชั่วคราวของสวนป่าบางขนุน ให้เกิดความกลัวโดยการขู่เข็ญให้ผู้เสียหายทั้งสองออกจากการเป็นลูกจ้างของสวนป่าบางขนุนและย้ายที่พักไปอยู่ที่อื่น หากผู้เสียหายทั้งสองยังเป็นลูกจ้างของสวนป่าบางขนุนและยังไม่ย้ายที่พักไปอาศัยอยู่ที่อื่น จำเลยทั้งสามจะใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายทั้งสองให้ตาย เป็นเหตุให้ผู้เสียหายทั้งสองกลัวอันตรายต่อชีวิตที่จะเกิดขึ้นจากการกระทำของจำเลยทั้งสาม ผู้เสียหายทั้งสองจึงจำต้องย้ายที่พักอาศัยไปอยู่ที่อื่นตามที่ถูกขู่เข็ญ ดังนี้ ฟ้องโจทก์ดังกล่าวได้บรรยายไว้แล้วว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันข่มขืนใจผู้เสียหายทั้งสองให้ออกจากการเป็นลูกจ้างของสวนป่าบางขนุนและย้ายที่พักไปอยู่ที่อื่น โดยจะใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายทั้งสองให้ตาย ซึ่งเป็นที่เข้าใจได้ว่าจำเลยข่มขืนใจผู้เสียหายทั้งสองอย่างไรแล้ว ส่วนจำเลยทั้งสามจะใช้ถ้อยคำหรือข้อความใดข่มขืนใจผู้เสียหายทั้งสองเป็นเพียงรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำสืบได้ในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์จึงได้บรรยายการกระทำที่อ้างว่าจำเลยทั้งสามได้กระทำความผิด ตลอดจนข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวข้องพอสมควรเท่าที่จะทำให้จำเลยทั้งสามเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ทั้งจำเลยทั้งสามก็นำสืบต่อสู้ว่า จำเลยทั้งสามไม่ได้ข่มขืนใจผู้เสียหายทั้งสอง แสดงว่าจำเลยทั้งสามไม่ได้หลงต่อสู้ ฟ้องโจทก์จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) ฎีกาของจำเลยทั้งสามข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
มีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสามประการต่อไปว่า การที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคแรก ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 โดยไม่ได้ระบุวรรคเนื่องจากประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (6) มิได้บังคับไว้เช่นนั้น แม้ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยทั้งสามพูดข่มขู่จะใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายทั้งสองให้ตายจนผู้เสียหายทั้งสองต้องย้ายที่พักอาศัยไปอยู่ที่บ้านพักเจ้าหน้าที่สวนป่าบางขนุน แตกต่างจากที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสามข่มขืนใจผู้เสียหายทั้งสองโดยมีอาวุธก็ตาม ก็มิใช่เป็นเรื่องข้อเท็จจริงในทางพิจารณาแตกต่างกับฟ้อง การที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคแรก จึงเป็นการปรับบทกฎหมายให้ตรงตามข้อเท็จจริงที่รับฟังได้เท่านั้น และไม่เป็นการพิพากษาหรือสั่งเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคหนึ่ง วรรคสอง และวรรคสี่ ฎีกาของจำเลยทั้งสามข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน
พิพากษายืน

Share