แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ร่วมที่ 2 เป็นผู้เสียหายเฉพาะความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์เท่านั้น มิได้เป็นผู้เสียหายในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นด้วย และศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ร่วมที่ 2 เข้าร่วมเป็นโจทก์เฉพาะในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์ร่วมที่ 2 จึงมีสิทธิที่จะอุทธรณ์เฉพาะในความผิดที่โจทก์ร่วมที่ 2 เป็นผู้เสียหาย เมื่อความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตาม ป.อ. มาตรา 358 มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 193 ทวิ และไม่ปรากฏว่าโจทก์ร่วมที่ 2 ได้รับอนุญาตให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามมาตรา 193 ตรี แม้ความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตาม ป.อ. มาตรา 288, 80 จะมีอัตราโทษที่ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง และเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวกับความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตามมาตรา 358 ก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ร่วมที่ 2 มิได้เป็นผู้เสียหายในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นอันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด โจทก์ร่วมที่ 2 จึงไม่อาจใช้สิทธิอุทธรณ์โดยอ้างว่าเมื่อโทษตามบทหนักไม่ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงแล้ว ความผิดตามฐานในบทเบาย่อมอุทธรณ์ได้ด้วยหาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 91, 288, 358
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นายสนธิ ผู้เสียหายที่ 1 และนางสาวลักขณา ผู้เสียหายที่ 3 ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาตสำหรับผู้เสียหายที่ 1 เฉพาะข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น และผู้เสียหายที่ 3 เฉพาะข้อหาทำให้เสียทรัพย์ โดยให้เรียกว่าโจทก์ร่วมที่ 1 และที่ 2 ตามลำดับ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสองอุทธรณ์ โดยอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีศาลสูงภาค 2 ซึ่งอัยการสูงสุดได้มอบหมาย รับรองให้โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80 และมาตรา 358 เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 10 ปี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้หนึ่งในสี่ คงจำคุก 7 ปี 6 เดือน ยกอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมที่ 2
โจทก์ร่วมทั้งสองและจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นตามที่โจทก์ โจทก์ร่วมทั้งสองและจำเลยมิได้โต้เถียงกันในชั้นฎีกาฟังได้ว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง รถตู้คันหมายเลขทะเบียน ฮต 3718 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นของโจทก์ร่วมที่ 2 โดยมีโจทก์ร่วมที่ 1 เป็นผู้ขับและผู้เสียหายที่ 2 กับพวกรวม 3 คน เป็นผู้โดยสารได้เกิดเหตุเฉี่ยวชนกับรถบรรทุกสิบล้อคันหมายเลขทะเบียน 80-6029 สระแก้ว ซึ่งมีจำเลยเป็นผู้ขับ หลังจากเกิดเหตุเฉี่ยวชนแล้วรถทั้งสองคันตกลงข้างถนน ร่องรอยความเสียหายของรถทั้งสองคันและผลการตรวจพิสูจน์ปรากฏตามรายงานผลการตรวจพิสูจน์ร่องรอยเฉี่ยวชนและรายงานการตรวจพิสูจน์คดีอุบัติเหตุจราจร
คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ร่วมที่ 1 ว่าสมควรลงโทษจำคุกจำเลยให้หนักขึ้นหรือไม่ และตามฎีกาของโจทก์ร่วมที่ 2 ว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมที่ 2 เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ส่วนจำเลยฎีกาขอให้พิพากษายกฟ้อง ศาลฎีกาเห็นควรยกปัญหาตามฎีกาของโจทก์ร่วมที่ 2 ขึ้นวินิจฉัยก่อน โจทก์ร่วมที่ 2 ฎีกาว่า คดีนี้ความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นและฐานทำให้เสียทรัพย์เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวกัน เมื่อความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดมีอัตราโทษที่ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 ซึ่งเป็นบทเบา แม้จะมีอัตราโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ก็ย่อมไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงด้วย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมที่ 2 จึงเป็นการไม่ชอบนั้น เห็นว่า โจทก์ร่วมที่ 2 เป็นเจ้าของรถตู้เป็นผู้เสียหายเฉพาะความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์เท่านั้น มิได้เป็นผู้เสียหายในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นด้วย และศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ร่วมที่ 2 เข้าร่วมเป็นโจทก์เฉพาะในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ดังกล่าว ดังนั้นเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์ร่วมที่ 2 จึงมีสิทธิที่จะอุทธรณ์เฉพาะในความผิดที่โจทก์ร่วมที่ 2 เป็นผู้เสียหาย เมื่อความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ และไม่ปรากฏว่าโจทก์ร่วมที่ 2 ได้รับอนุญาตให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามมาตรา 193 ตรี แม้ความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 จะมีอัตราโทษที่ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงและเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวกับความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตามมาตรา 358 ก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ร่วมที่ 2 มิได้เป็นผู้เสียหายในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นอันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด โจทก์ร่วมที่ 2 จึงไม่อาจใช้สิทธิอุทธรณ์โดยอ้างว่า เมื่อโทษตามบทหนักไม่ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงแล้ว ความผิดตามฐานในบทเบาย่อมอุทธรณ์ได้ด้วยหาได้ไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมที่ 2 จึงชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ร่วมที่ 2 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน