แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้จำเลยให้การรับสารภาพในความผิดฐานมีอาวุธปืนไม่มีเครื่องหมายทะเบียนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และศาลสามารถพิพากษาลงโทษจำเลยได้โดยไม่ต้องสืบพยานหลักฐานประกอบตาม ป.วิ.อ. มาตรา 176 วรรคหนึ่ง ก็ตาม แต่เมื่อโจทก์สืบพยานหลักฐานประกอบคำรับสารภาพในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นแล้ว ปรากฏข้อเท็จจริงว่าโจทก์ไม่ได้อาวุธปืนดังกล่าวมาเป็นของกลาง และโจทก์มิได้นำสืบให้ได้ความว่าอาวุธปืนดังกล่าวเป็นอาวุธปืนไม่มีหมายเลขทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับไว้ ทั้งมิได้นำสืบว่าจำเลยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีและพาอาวุธปืนดังที่โจทก์ฟ้อง จึงไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีอาวุธปืนไม่มีเครื่องหมายทะเบียนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 185 วรรคหนึ่ง ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตชอบแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา  32,  33,  80,  91,  288,  371  พระราชบัญญัติอาวุธปืน  เครื่องกระสุนปืน  วัตถุระเบิด  ดอกไม้เพลิง  และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490  มาตรา  7,  8  ทวิ,  72,  72  ทวิ  และริบปลอกกระสุนปืนของกลาง
   	จำเลยให้การปฏิเสธ  แต่ก่อนสืบพยานโจทก์  จำเลยขอถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่เป็นรับสารภาพ
   	ระหว่างพิจารณานายภูชิต  ผู้เสียหาย  ยื่นคำร้องขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน  206,250  บาท  พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ  7.5  ต่อปีของเงินจำนวน  200,000  บาท  นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้เสียหายและยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์  ศาลชั้นต้นอนุญาตเฉพาะข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น
   	จำเลยไม่ให้การในคดีส่วนแพ่ง
   	ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า  จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา  288  ประกอบมาตรา  80,  371  พระราชบัญญัติอาวุธปืน  เครื่องกระสุนปืน  วัตถุระเบิด  ดอกไม้เพลิง  และสิ่งเทียมอาวุธปืน  พ.ศ. 2490  มาตรา  7,  8  ทวิ  วรรคหนึ่ง, 72  วรรคสาม,  72  ทวิ  วรรคสอง  เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน  ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา  91  ฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต  จำคุก  6  เดือน  ฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง  หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรและโดยไม่ได้รับใบอนุญาต  เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ  ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด  ตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา  90  จำคุก  6  เดือน  ฐานพยายามฆ่าผู้อื่น  จำคุก  13  ปี  4  เดือน  รวมจำคุก  13  ปี  16  เดือน  จำเลยให้การรับสารภาพ  เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา  มีเหตุบรรเทาโทษ  ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78  กึ่งหนึ่ง  คงจำคุก  6  ปี  14  เดือน  ริบของกลาง  ยกคำร้องของโจทก์ร่วม
   	โจทก์อุทธรณ์
   	ศาลอุทธรณ์ภาค 3  พิพากษายืน
   	โจทก์ฎีกา  โดยอัยการสูงสุดรับรองให้ฎีกา
   	ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์  ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตชอบหรือไม่  โดยโจทก์ฎีกาว่า  ความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไม่มีเครื่องหมายทะเบียนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต  มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่  1  ปี  ถึง  10  ปี  และปรับตั้งแต่  2,000  บาท  ถึง  20,000  บาท  หรือทั้งจำทั้งปรับ  เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพแล้วไม่จำต้องสืบพยานประกอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา  มาตรา  176  วรรคหนึ่ง  ข้อเท็จจริงจึงต้องรับฟังเป็นยุติตามคำรับของจำเลยว่าจำเลยมีอาวุธปืนไม่มีเครื่องหมายทะเบียนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต  เห็นว่า  แม้จำเลยให้การรับสารภาพในความผิดฐานมีอาวุธปืนไม่มีเครื่องหมายทะเบียนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต  และศาลสามารถพิพากษาลงโทษจำเลยได้โดยไม่ต้องสืบพยานหลักฐานประกอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา  มาตรา 176  วรรคหนึ่ง  ก็ตาม  แต่เมื่อโจทก์สืบพยานหลักฐานประกอบคำรับสารภาพในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นแล้ว  ปรากฏข้อเท็จจริงว่าโจทก์มิได้อาวุธปืนดังกล่าวมาเป็นของกลาง  และโจทก์มิได้นำสืบให้ได้ความว่าอาวุธปืนเป็นอาวุธปืนไม่มีหมายเลขทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับไว้  ทั้งมิได้นำสืบว่าจำเลยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีและพาอาวุธปืนดังที่โจทก์ฟ้อง  จึงไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีอาวุธปืนไม่มีเครื่องหมายทะเบียนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตได้  ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา  มาตรา  185  วรรคหนึ่ง  ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตชอบแล้ว  ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
   	พิพากษายืน

