แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ใบแต่งทนายความของจำเลยระบุให้ทนายความมีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาใดไปในทางจำหน่ายสิทธิของจำเลยได้ เช่น การยอมรับตามที่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งเรียกร้อง การประนีประนอมยอมความ ฯลฯในวันชี้สองสถาน ทนายโจทก์และทนายจำเลยตกลงท้ากันว่า หากโจทก์และผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินร่วมกับโจทก์ไปสาบานที่ วัดพระแก้วกับ วัดบ้านแหลม โดยจำเลยจะเป็นผู้นำสาบานว่าโจทก์กับพวกไม่ได้เคลื่อนย้ายหลักเขตที่ดินมุม ด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ แล้วจำเลยไม่ติดใจถือว่ายอมแพ้ ก่อนถึงวันนัดสาบานตามคำท้า ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอถอนตัวจากการเป็นทนายจำเลยโดยอ้างว่าความคิดเห็นไม่ตรงกัน เนื่องจากได้แจ้งเรื่องคำท้าให้จำเลยทราบแล้วจำเลยไม่ยอมรับ คำท้า แต่จะให้มีการสืบพยานต่อไป ในคำร้องดังกล่าวจำเลยได้ลงชื่อรับทราบข้อความและไม่คัดค้านไว้ ทั้งในวันนัดสาบานตามคำท้าทนายจำเลยก็แถลงยืนยันตามข้อความในคำร้องดังกล่าวจึงต้องฟังว่าจำเลยได้ทราบวันนัดสาบานตามคำท้าแล้ว แม้ในวันที่คู่ความแถลงท้ากันจำเลยไม่ได้ไปศาลก็ตาม เมื่อคำท้ามีผลผูกพันจำเลย จำเลยสามารถปฏิบัติตามคำท้านั้นได้โดยไปเป็นผู้นำสาบานตามคำท้า แต่จำเลยไม่ไป ถือได้ว่าจำเลยไม่ยอมปฏิบัติตามคำท้าจึงต้องตกเป็นฝ่ายแพ้คดี.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ยื่นคำร้องขอให้เจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัดที่ดินมีโฉนดของโจทก์และผู้มีชื่อเพื่อแบ่งกรรมสิทธิ์รวมจำเลยได้คัดค้านว่ามีการเคลื่อนย้ายหลักเขตทางด้านทิศใต้ของโจทก์เข้าไปในเขตที่ดินของจำเลย จำเลยจึงไม่ยอมรับรองแนวเขต ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องและขัดขวางการรังวัดแบ่งแยกที่ดินดังกล่าว และให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาในการยินยอมรับรองเขตที่ดินพิพาทของจำเลย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า หลักเขตที่ดินของโจทก์ถูกเคลื่อนย้ายรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของจำเลย อย่างไรก็ตามจำเลยได้ครอบครองที่ดินพิพาทมาจนได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชยมาตรา 1382 แล้ว ขอให้ยกฟ้องและพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย ห้ามโจทก์เข้าเกี่ยวข้อง
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า หลักเขตที่ดินของโจทก์ไม่ได้ถูกเคลื่อนย้ายเข้าไปในที่ดินของจำเลย และจำเลยไม่เคยเข้ามาเกี่ยวข้องในที่ดินพิพาท
ในวันชี้สองสถาน ทนายโจทก์และทนายจำเลยตกลงท้ากันว่า หากโจทก์ทุกคน (ที่ถูกน่าจะเป็นโจทก์และผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินร่วมกับโจทก์) ไปสาบานที่วัดพระแก้วกับวัดบ้านแหลม โดยจำเลยจะเป็นผู้นำสาบานว่า โจทก์กับพวกไม่ได้เคลื่อนย้ายหลักเขตที่ดินมุมด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ แล้วจำเลยไม่ติดใจถือว่ายอมแพ้ ก่อนถึงวันนัดสาบาน ทนายจำเลยยื่นคำร้องว่าจำเลยไม่ยอมรับคำท้า แต่จะขอให้มีการสืบพยานกันต่อไป จึงขอถอนตัวจากการเป็นทนายจำเลย ครั้นถึงวันนัดสาบานตามคำท้า โจทก์ ทนายโจทก์ และทนายจำเลยมาศาล ทนายจำเลยแถลงว่าจำเลยไม่ยอมรับคำท้า ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยทราบนัดแล้วไม่มาศาล ถือว่าไม่ปฏิบัติตามคำท้า พิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ห้ามจำเลยกับบริวารเข้าเกี่ยวข้อง และให้ถือเอาคำพิพากษาฉบับนี้เป็นการแสดงเจตนาในการยินยอมรับรองแนวเขตที่ดินพิพาทแทนจำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้รวมสั่งเมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีได้ความว่าก่อนถึงวันนัดสาบานตามคำท้าทนายจำเลยยื่นคำร้องขอถอนตัวจากการเป็นทนายจำเลย โดยอ้างว่าความคิดเห็นไม่ตรงกัน เนื่องจากได้แจ้งเรื่องคำท้าให้จำเลยทราบแล้วจำเลยไม่ยอมรับคำท้าแต่จะให้มีการสืบพยานต่อไป ในคำร้องดังกล่าวจำเลยได้ลงชื่อรับทราบข้อความและไม่ค้านไว้ ทั้งในวันนัดสาบานตามคำท้า ทนายจำเลยก็แถลงยืนยันตามข้อความในคำร้องดังกล่าว จึงต้องฟังว่าจำเลยได้ทราบวันนัดสาบานตามคำท้าแล้ว แม้ในวันที่คู่ความแถลงท้ากันจำเลยไม่ได้ไปศาลก็ตาม แต่เมื่อใบแต่งทนายความของจำเลยระบุให้ทนายความมีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาใดไปในทางจำหน่ายสิทธิของจำเลยได้ เช่น การยอมรับตามที่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งเรียกร้องการประนีประนอมยอมความ ฯลฯ จำเลยจึงต้องผูกพันตามคำท้านั้น จากพฤติการณ์ที่ฟังได้ว่าจำเลยซึ่งทราบวันนัดสาบานตามคำท้าโดยชอบ ได้แจ้งต่อทนายจำเลยว่าจำเลยไม่ยอมรับคำท้า ครั้นถึงวันนัดจำเลยก็ไม่มาศาลโดยไม่ทราบเหตุขัดข้อง เช่นนี้ เหตุที่จำเลยไม่มาศาลก็เนื่องจากต้องการให้ยกเลิกคำท้าและให้มีการสืบพยานดังคำแถลงของทนายจำเลยดังกล่าวข้างต้นนั่นเอง เมื่อคำท้ามีผลผูกพันจำเลย จำเลยสามารถปฏิบัติตามคำท้านั้นได้โดยไปเป็นผู้นำสาบานตามคำท้า แต่จำเลยไม่ไป ถือได้ว่าจำเลยไม่ยอมปฏิบัติตามคำท้า จึงต้องตกเป็นฝ่ายแพ้คดี ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การที่จำเลยไม่ไปนำสาบานต้องถือว่าคำท้าได้ถูกยกเลิกนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย เพราะหากถือเช่นนั้นก็เท่ากับว่า แม้โจทก์จะคัดค้านจำเลยก็สามารถถอนคำท้าที่ดำเนินกระบวนพิจารณามาอย่างถูกต้องได้โดยการไม่ไปนำสาบานตามนัดอันเป็นการไม่ชอบ ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และฎีกาให้เป็นพับ.