คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7724/2554

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินพิพาทบริเวณที่ระบายด้วยสีเขียวตามแผนที่พิพาทซึ่งเจ้าหน้าที่ศาลได้ทำขึ้นตามคำสั่งศาลชั้นต้น เป็นส่วนหนึ่งของที่ดินตาม น.ส.3 เลขที่ 1/24 ตำบลไม้รูด อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด ที่โจทก์เป็นเจ้าของมีสิทธิครอบครอง จำเลยได้เข้าไปยึดถือแย่งการครอบครอง แต่โจทก์ไม่ได้ฟ้องคดีเอาคืนภายในปีหนึ่งนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องคดีเอาคืนการครอบครอง โจทก์อุทธรณ์ว่า โจทก์ฟ้องคดีภายในกำหนดเวลาปีหนึ่ง จึงมีสิทธิฟ้องคดี จำเลยไม่ได้แก้อุทธรณ์ตั้งเป็นประเด็นข้อพิพาทว่าที่ดินพิพาทไม่ใช่ของโจทก์ ปัญหาว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์หรือไม่ จึงเป็นอันยุติไปแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ฎีกาของจำเลยว่าโจทก์ไม่มีสิทธิครอบครองเป็นเจ้าของที่ดินพิพาท จึงเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 2 ต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมด และขนย้ายออกไปจากที่ดินโจทก์ตาม น.ส. 3 เลขที่ 1/24 หมู่ที่ 3 ตำบลไม้รูด อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด หากจำเลยไม่รื้อถอน ให้โจทก์ทำการรื้อถอนได้ โดยจำเลยเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 320,000 บาท และค่าเสียหายอีกเดือนละ 30,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะรื้อถอนสิ่งก่อสร้างและขนย้ายออกไปจากที่ดินโจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับ ให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินพิพาทตามแผนที่ที่เจ้าหน้าที่ศาลทำขึ้นเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2546 ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 20,000 บาท และค่าเสียหายเดือนละ 15,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินพิพาท ส่วนที่โจทก์มีคำขอว่าหากจำเลยไม่รื้อถอนออกไป ให้โจทก์รื้อถอนโดยจำเลยเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายนั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 ทวิ ได้บัญญัติถึงขั้นตอนในการบังคับคดีไว้แล้ว คำขอในส่วนนี้ของโจทก์จึงให้ยก ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลเป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินพิพาทบริเวณที่ระบายด้วยสีเขียวตามแผนที่พิพาทซึ่งเจ้าหน้าที่ศาลได้ทำขึ้นเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2546 ตามคำสั่งศาลชั้นต้น เป็นส่วนหนึ่งของที่ดินตาม น.ส. 3 เลขที่ 1/24 ดังกล่าว ที่โจทก์เป็นเจ้าของมีสิทธิครอบครอง จำเลยได้เข้าไปยึดถือแย่งการครอบครอง แต่โจทก์ไม่ได้ฟ้องคดีเอาคืนภายในปีหนึ่งนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องคดีเอาคืนการครอบครอง โจทก์อุทธรณ์ว่า โจทก์ฟ้องคดีภายในกำหนดเวลาปีหนึ่ง จึงมีสิทธิฟ้องคดี จำเลยไม่ได้แก้อุทธรณ์ตั้งเป็นประเด็นข้อพิพาทว่าที่ดินพิพาทไม่ใช่ของโจทก์ ปัญหาว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์หรือไม่ จึงเป็นอันยุติไปแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ฎีกาของจำเลยว่า โจทก์ไม่มีสิทธิครอบครองเป็นเจ้าของที่ดินพิพาท จึงเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 2 ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้…
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายอันเป็นค่าขาดประโยชน์แก่โจทก์ เดือนละ 10,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินพิพาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share