คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1128/2554

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นนัดฟังคำสั่งศาลฎีกาใหม่ การที่ศาลชั้นต้นสั่งว่าตามคำร้องของจำเลยไม่ได้อ้างเหตุว่า การปิดหมายไม่ชอบเพราะเหตุใด ข้อเท็จจริงในสำนวนปรากฏว่าปิดหมายนัดที่ภูมิลำเนาของจำเลยและทนายจำเลย ในส่วนของโจทก์โจทก์แถลงว่าส่งหมายนัดชอบแล้ว ถือได้ว่าการส่งหมายนัดฟังคำสั่งศาลฎีกาและศาลชั้นต้นโดยวิธีปิดหมายชอบด้วยกฎหมายแล้ว ไม่มีเหตุที่จะนัดฟังคำสั่งศาลฎีกาใหม่ ให้ยกคำร้องของจำเลยที่ขอให้ศาลชั้นต้นนัดฟังคำสั่งศาลฎีกาใหม่ ค่าคำร้องให้เป็นพับนั้น เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยชี้ขาดคำร้องของจำเลยแล้ว หากจำเลยไม่เห็นด้วย และประสงค์จะอุทธรณ์คำสั่งชี้ขาดดังกล่าว ก็ต้องทำเป็นคำฟ้องอุทธรณ์และเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ 200 บาท ตามตาราง 1 ข้อ (2) (ก) ท้าย ป.วิ.พ. (เดิม) ซึ่งใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ 9,446,712.99 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 1,011,629.97 บาท นับแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2539 อัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 6,000,000 บาท นับแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2539 อัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 2,000,000 บาท นับแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน 2539 อัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 12,860 บาท นับแต่วันที่ 9 พฤษภาคม 2540 อัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 12,860 บาท นับแต่วันที่ 12 มีนาคม 2541 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ แต่ทั้งนี้ให้นำเงินที่จำเลยชำระมาในวันที่ 4 ธันวาคม 2539 จำนวน 15,000 บาท วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2540 จำนวน 16,000 บาท และวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2540 จำนวน 10,000 บาท หักออกจากหนี้เบิกเงินเกินบัญชี โดยให้นำไปหักชำระดอกเบี้ยก่อน เหลือเท่าใดหักชำระต้นเงิน หากไม่ชำระให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 157891 ตำบลวังทองหลาง อำเภอบางกะปิ กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ หากไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยบังคับชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ
จำเลยอุทธรณ์พร้อมกับยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้อง จำเลยขอเลื่อนคดีและศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนคดีมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งที่ 3 จำเลยขอเลื่อนคดีอีก ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยอ้างเหตุป่วยโดยไม่มีใบรับรองแพทย์มาแสดงและเพิ่งยื่นบัญชีพยานในชั้นไต่สวนอนาถา มีพฤติการณ์ประวิงคดีจึงไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี และถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบพยาน ให้งดการไต่สวน และฟังไม่ได้ว่าจำเลยไม่มีเงินเสียค่าธรรมเนียมศาลและยากจนจริง ให้ยกคำร้อง
จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดไต่สวนพยานจำเลยและยกคำร้องขอไต่สวนอนาถาของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง หากจำเลยยังติดใจอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาชำระต่อศาลชั้นต้นภายใน 7 วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง
จำเลยยื่นคำร้องฎีกาคำสั่งของศาลอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ศาลอุทธรณ์สั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยคำสั่งของศาลอุทธรณ์เป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคท้าย จึงไม่รับคำร้องฎีกาคำสั่งของจำเลย
จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับคำร้องฎีกาคำสั่งของจำเลยต่อศาลฎีกา ศาลฎีกามีคำสั่งว่า คำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่สั่งให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยย่อมเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคท้าย ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย จึงชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง
ในวันนัดฟังคำสั่งศาลฎีกาดังกล่าว ศาลชั้นต้นหมายนัดโจทก์ จำเลย และทนายความของทั้งสองฝ่ายให้มาฟังคำสั่ง โดยระบุในหมายนัดว่า นัดฟังคำสั่งศาลฎีกาและศาลชั้นต้น เจ้าหน้าที่ศาลส่งหมายนัดแก่ทั้งสองฝ่ายโดยการปิดหมาย ถึงวันนัดทั้งสองฝ่ายไม่มาศาล ศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณาว่า ให้งดการอ่านและถือว่าได้อ่านคำสั่งศาลฎีกาดังกล่าวตามกฎหมายแล้ว กับจดรายงานกระบวนพิจารณาด้วยว่า เนื่องจากศาลฎีกามีคำสั่งให้ยกคำร้อง ดังนั้น หากจำเลยยังติดใจอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาชำระภายใน 7 วัน
เมื่อครบกำหนด 7 วัน จำเลยมิได้นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาชำระ แต่หลังจากพ้นกำหนด 7 วันแล้ว จำเลยยื่นคำร้องว่า การส่งหมายนัดฟังคำสั่งศาลฎีกาดังกล่าวไม่ชอบ เนื่องจากส่งแก่จำเลยและทนายจำเลยโดยการปิดหมาย จำเลยไม่ทราบแต่อย่างใด และการส่งแก่ฝ่ายโจทก์ก็ไม่ชอบ ขอให้ศาลชั้นต้นนัดฟังคำสั่งศาลฎีกาใหม่ ศาลชั้นต้นนัดไต่สวน
ถึงวันนัด ผู้รับมอบฉันทะจากทนายจำเลยนำคำร้องขอเลื่อนคดีของทนายจำเลยมายื่นต่อศาลชั้นต้น อ้างเหตุว่าจำเลยป่วย โจทก์คัดค้านว่าจำเลยประวิงคดี การส่งหมายนัดแก่โจทก์ชอบแล้ว และการส่งหมายนัดแก่จำเลยและทนายจำเลยก็ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ศาลชั้นต้นเห็นว่าตามคำร้องของจำเลย คำคัดค้านของโจทก์และเอกสารในสำนวน คดีพอวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องไต่สวน จึงไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและให้งดไต่สวน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันเดียวกันว่า ตามคำร้องของจำเลยไม่ได้อ้างเหตุว่าการปิดหมายไม่ชอบเพราะเหตุใด ข้อเท็จจริงในสำนวนปรากฏว่าปิดหมายนัดที่ภูมิลำเนาของจำเลยและทนายจำเลย ในส่วนของโจทก์โจทก์แถลงว่าส่งหมายนัดชอบแล้ว ถือได้ว่าการส่งหมายนัดฟังคำสั่งศาลฎีกาและศาลชั้นต้นโดยวิธีปิดหมายชอบด้วยกฎหมายแล้ว ไม่มีเหตุที่จะนัดฟังคำสั่งศาลฎีกาใหม่ ให้ยกคำร้องของจำเลยที่ขอให้ศาลชั้นต้นนัดฟังคำสั่งศาลฎีกาใหม่ ค่าคำร้องให้เป็นพับ กับสั่งว่าเนื่องจากจำเลยไม่นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาชำระภายใน 7 วัน ตามคำสั่งของศาลชั้นต้น จึงไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย
จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งยกคำร้องของจำเลยที่ขอให้ศาลชั้นต้นนัดฟังคำสั่งศาลฎีกาใหม่ โดยอุทธรณ์ว่าคำร้องของจำเลยได้อ้างเหตุผลของการปิดหมายไม่ชอบไว้แล้ว การส่งหมายนัดแก่โจทก์ก็ไม่ชอบ คำสั่งของศาลชั้นต้นจึงไม่ชอบ ขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นนัดฟังคำสั่งศาลฎีกาใหม่ โดยจำเลยเสียค่าคำร้องมา 40 บาท ตามคำร้องอุทธรณ์คำสั่งลงวันที่ 1 กันยายน 2546 ศาลอุทธรณ์ทำคำพิพากษาเสร็จแล้วส่งไปให้ศาลชั้นต้นอ่านให้คู่ความทั้งสองฝ่ายฟัง แต่ศาลอุทธรณ์ได้จดรายงานกระบวนพิจารณาว่า การอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งยกคำร้องของจำเลยที่ขอให้ศาลชั้นต้นนัดฟังคำสั่งศาลฎีกาใหม่ ต้องทำเป็นคำฟ้องอุทธรณ์และเสียค่าขึ้นศาล 200 บาท ตามตาราง 1 ข้อ (2) (ก) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง แต่จำเลยชำระ 40 บาท ไม่ถูกต้อง ก่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นเรียกจำเลยมาชำระค่าขึ้นศาลให้ครบถ้วนภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด หากจำเลยไม่ชำระให้ศาลชั้นต้นส่งสำนวนพร้อมคำพิพากษาคืนศาลอุทธรณ์ ปรากฏว่าจำเลยไม่ชำระ ศาลชั้นต้นส่งสำนวนพร้อมคำพิพากษาคืนศาลอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า จำเลยเพิกเฉยไม่ยอมนำเงินค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์มาชำระเพิ่มตามระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด จึงถือว่าจำเลยทิ้งอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174 (2) ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความของศาลอุทธรณ์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า คำสั่งของศาลอุทธรณ์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จำเลยฎีกาว่า การอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งยกคำร้องของจำเลยที่ขอให้ศาลชั้นต้นนัดฟังคำสั่งศาลฎีกาใหม่ เป็นการอุทธรณ์คำสั่งที่ทำเป็นคำร้อง ซึ่งค่ายื่นคำขออื่นๆ ที่ต้องทำเป็นคำร้องในชั้นอุทธรณ์ต้องเสียค่าธรรมเนียมเพียง 40 บาท ตามตาราง 2 ข้อ (3) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มิใช่ 200 บาท ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย การที่จำเลยไม่นำเงินค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์มาชำระเพิ่มอีก 160 บาท จึงชอบแล้ว จำเลยมิได้ทิ้งอุทธรณ์ การที่ศาลอุทธรณ์ถือว่าจำเลยทิ้งอุทธรณ์จึงไม่ชอบ ขอให้พิพากษาว่าจำเลยต้องชำระเพียง 40 บาท และให้ยกคดีขึ้นพิจารณาโดยให้นัดฟังคำสั่งศาลฎีกาใหม่ ศาลฎีกาเห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นสั่งว่าตามคำร้องของจำเลยไม่ได้อ้างเหตุว่าการปิดหมายไม่ชอบเพราะเหตุใด ข้อเท็จจริงในสำนวนปรากฏว่าปิดหมายนัดที่ภูมิลำเนาของจำเลยและทนายจำเลย ในส่วนของโจทก์โจทก์แถลงว่าส่งหมายนัดชอบแล้ว ถือได้ว่าการส่งหมายนัดฟังคำสั่งศาลฎีกาและศาลชั้นต้นโดยวิธีปิดหมายชอบด้วยกฎหมายแล้ว ไม่มีเหตุที่จะนัดฟังคำสั่งศาลฎีกาใหม่ ให้ยกคำร้องของจำเลยที่ขอให้ศาลชั้นต้นนัดฟังคำสั่งศาลฎีกาใหม่ ค่าคำร้องให้เป็นพับนั้น เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยชี้ขาดคำร้องของจำเลยแล้ว หากจำเลยไม่เห็นด้วย และประสงค์จะอุทธรณ์คำสั่งชี้ขาดดังกล่าว ก็ต้องทำเป็นคำฟ้องอุทธรณ์และเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ 200 บาท ตามตาราง 1 ข้อ (2) (ก) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (เดิม) ซึ่งใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย เมื่อศาลอุทธรณ์สั่งให้จำเลยชำระค่าขึ้นศาลให้ครบ แต่จำเลยไม่ยอมชำระ ศาลอุทธรณ์จึงมีคำสั่งว่าจำเลยทิ้งฟ้องอุทธรณ์ และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความของศาลอุทธรณ์ คำสั่งศาลอุทธรณ์จึงชอบด้วยกฎหมาย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share