แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงกรรมสิทธิที่ดินทั้งแปลง จำเลยต่อสู้กรรมสิทธิ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ส่วนใหญ่ ส่วนที่ดินหน้าท่าริมตลิ่งเป็นที่สาธารณะสมบัติ จึงให้ยกฟ้องเฉพาะส่วนนี้ แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าที่ดินทั้งหมดเป็นของโจทก์ ดังนี้ถือว่าเป็นการแก้ไขเล็กน้อย.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้แสดงกรรมสิทธิที่ดิน จำเลยแก้ว่าไม่ใช่ที่ดินของโจทก์
ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยปลูกสร้างในที่สาธารณะสมบัติของแผ่นดิน พิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์เพียงเท่าที่ปรากฎในแผนที่พิพาทหมายเลข ๒ ส่วนที่เกินนอกจากนี้ให้ยกฟ้อง
โจทก์ จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงแล้วพิพากษาแก้ว่าที่พิพาททั้งหมดตามแผนที่เป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้อง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าที่ดินรายพิพาทเป็นที่ดินแปลงเดียว ส่วนใหญ่ของที่ดิน ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันมาว่าเป็นที่ดินซึ่งโจทก์ได้รับโอนจากบิดาของโจทก์ คงเหลือที่ดินส่วนน้อยซึ่งศาลทั้งสองวินิจฉัยต่างกันมา ที่ดินทั้งหมดรายนี้โจทก์ตั้งทุนทรัพย์มา ๔,๐๐๐ บาท และจำเลยยื่นฎีกาเมื่อ ๑๖ ส.ค. ๒๔๙๙ เมื่อใช้ พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม ป.วิ.แพ่ง(ฉบับที่ ๕) พ.ศ.๒๔๙๙ มาตรา๒๔๘ แล้ว คดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาทำนองนี้เป็นการพิพากษาแก้น้อย จำเลยฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้ ให้ยกฎีกาจำเลย.