แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 2 พิการขาทั้งสองข้างอัมพาตอ่อนแรงไม่สามารถซื้อขายเมทแอมเฟตามีนหรือนำเมทแอมเฟตามีนไปซุกซ่อนในช่องลมใต้ที่ปัดน้ำฝนของรถยนต์กระบะที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับโดยจำเลยที่ 2 โดยสารมาด้วย แต่จำเลยที่ 2 ก็ร่วมกับจำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยให้ผู้อื่นดำเนินการให้ตามคำสั่งได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2541 เวลากลางวัน จำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 20,000 เม็ด น้ำหนักรวม 1,896 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์หนัก 382.92 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 15, 66, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ริบของกลาง
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ
จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณาจำเลยที่ 2 ถูกจับกุมและคุมขังในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 535/2542 ของศาลจังหวัดน่าน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 จากสารบบความชั่วคราว
ศาลชั้นต้นพิพากษาเฉพาะจำเลยที่ 1 ลงโทษจำคุกตลอดชีวิตริบของกลาง และคดีถึงที่สุดแล้ว ส่วนคดีสำหรับจำเลยที่ 2 ศาลชั้นต้นได้รับตัวจำเลยที่ 2 มาพิจารณาในภายหลัง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม), 66 วรรคสอง (เดิม) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ให้ลงโทษประหารชีวิต คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (1) คงจำคุกตลอดชีวิต
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า ในวัน เวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง ร้อยตำรวจเอกชวิน กับพวกได้ร่วมกันจับกุมจำเลยที่ 2 ซึ่งนั่งโดยสารในรถยนต์กระบะมีจำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับโดยเมทแอมเฟตามีนของกลางซุกซ่อนอยู่ในช่องลมใต้ที่ปัดน้ำฝนของรถยนต์ดังกล่าว
ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 มีว่า จำเลยที่ 2 กระทำความผิดตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาหรือไม่ โจทก์มีร้อยตำรวจเอกชวิน แก้วเกตุศรี จ่าสิบตำรวจอำนาจ เลี้ยงเลข และนายธีระชัย เป็นพยานเบิกความในทำนองเดียวกันว่า สายลับแจ้งแก่ร้อยตำรวจเอกชวินว่า มีชายสองคนใช้รถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ สีเขียว หมายเลขทะเบียน บ – 4443 น่าน นำเมทแอมเฟตามีนจากอำเภอเด่นชัยไปยังจังหวัดพิษณุโลก โดยชายคนหนึ่งขาพิการ พยานโจทก์ทั้งสามกับพวกจึงตั้งด่านตรวจที่หน่วยบริการประชาชนถนนสายเด่นชัย – พิษณุโลก ตำบลน้ำอ่าง อำเภอตรอน จังหวัดอุตรดิตถ์ ถึงเวลา 13.30 นาฬิกา จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์กระบะลักษณะตรงตามที่รับแจ้ง มีจำเลยที่ 2 นั่งมาด้วยแล่นผ่านด่าน พยานโจทก์ทั้งสามจึงตรวจค้นจำเลยทั้งสองและรถยนต์ พบเมทแอมเฟตามีนบรรจุในถุงเท้า 3 ถุง แต่ละถุงมีพลาสติกสีขาวหุ้มกระดาษสีน้ำตาล 10 ห่อ แต่ละห่อมีถุงพลาสติกสีฟ้ามีเมทแอมเฟตามีนถุงละ 2,000 เม็ด รวม 20,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในช่องลมใต้ที่ปัดน้ำฝน ในระหว่างที่เจ้าพนักงานตำรวจค้น จำเลยทั้งสองมีอาการพิรุธหน้าซีดเหงื่อออกและเสียงสั่น ในชั้นจับกุม จำเลยที่ 1 รับสารภาพ ส่วนจำเลยที่ 2 ปฏิเสธ คำเบิกความของพยานโจทก์ทั้งสามสอดคล้องต้องกันประกอบด้วยเหตุผลและเชื่อมโยงตามลำดับเหตุการณ์ พยานโจทก์ดังกล่าวไม่มีเหตุโกรธเคืองกับจำเลยที่ 2 ไม่มีเหตุระแวงสงสัยว่าจะเบิกความปรักปรำจำเลยที่ 2 ประกอบกับนางพัฒนา พยานโจทก์ซึ่งเป็นภริยาจำเลยที่ 2 เบิกความว่า จำเลยที่ 2 ใช้รถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบิชิสีเขียวโดยมีผู้อื่นขับให้ ในวันเกิดเหตุ เวลาประมาณ 6 นาฬิกา จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์กระบะคันดังกล่าวพาจำเลยที่ 2 ไปที่บ้านนางพัฒนา นางพัฒนาคุยกับจำเลยที่ 2 สักครู่หนึ่ง แล้วนางพัฒนาออกจากบ้านไปทำงาน ส่วนจำเลยที่ 2 นั่งคุยอยู่กับมารดานางพัฒนา วันเดียวกันนางพัฒนากลับจากทำงานจึงทราบข่าวจากโทรทัศน์ว่า จำเลยทั้งสองถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับในข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เห็นว่า นางพัฒนาเป็นภริยาจำเลยที่ 2 ไม่มีเหตุที่นางพัฒนาต้องเบิกความให้ร้ายแก่จำเลยที่ 2 คำเบิกความของนางพัฒนาย่อมรับฟังได้ ในชั้นสอบสวน นางพัฒนาให้การต่อพนักงานสอบสวนในวันรุ่งขึ้นของวันเกิดเหตุ มีรายละเอียดของความสัมพันธ์ระหว่างจำเลยที่ 2 กับพยาน และพฤติการณ์ของจำเลยที่ 2 ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ตามบันทึกคำให้การเอกสารหมาย ป.จ. 1 ความว่า จำเลยที่ 2 ใช้รถยนต์กระบะมิตซูบิชิสีเขียว บ – 4443 น่าน เป็นประจำ โดยจำเลยที่ 2 บอกว่ารถของน้องชาย ในวันเกิดเหตุ ตอนเช้านางพัฒนาออกไปทำงาน จำเลยที่ 2 อยู่ที่บ้าน รถยนต์ดังกล่าวก็จอดอยู่ในบ้าน แต่ตอนเย็นนางพัฒนากลับบ้านไม่พบจำเลยที่ 2 จนกระทั่งเวลา 18 นาฬิกา จึงทราบข่าวว่าจำเลยทั้งสองถูกจับ จำเลยที่ 2 ในบางคราวมีเงินจำนวนมากและใช้โทรศัพท์ด้วยคำพูดที่มีความหมายแปลก ๆ นางพัฒนาเตือนจำเลยที่ 2 ให้เลิกเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่ก็ถูกจำเลยที่ 2 ดุด่า ไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของจำเลยที่ 2 เมื่อฟังบันทึกคำให้การดังกล่าวประกอบคำเบิกความในชั้นพิจารณาน่าเชื่อว่านางพัฒนาให้การในชั้นสอบสวนตรงตามความจริงและมีรายละเอียดมากเนื่องจากเพิ่งเกิดเหตุได้เพียงวันเดียว การที่จำเลยที่ 2 ใช้รถยนต์กระบะคันที่เกิดเหตุเป็นประจำ และนั่งรถไปในขณะเกิดเหตุโดยมีเมทแอมเฟตามีนของกลางซุกซ่อนอยู่ภายในช่องลมใต้ที่ปัดน้ำฝน ในที่ดังกล่าวต้องเปิดฝากระโปรงหน้ารถเสียก่อนจึงจะนำของไปซุกซ่อนได้ จึงฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า จำเลยที่ 2 พิการขาทั้งสองข้างอัมพาตอ่อนแรงไม่สามารถซื้อขายเมทแอมเฟตามีนหรือนำของกลางไปซุกซ่อนในรถยนต์กระบะนั้น เห็นว่า การกระทำดังกล่าวจำเลยที่ 2 ไม่จำต้องลงมือทำเอง แต่ร่วมกับผู้อื่นโดยให้ผู้อื่นดำเนินการให้ตามคำสั่งก็ได้ ส่วนฎีกาข้ออื่นที่จำเลยที่ 2 ยกขึ้นต่อสู้นั้น ไม่มีเหตุผลที่จะรับฟังหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาชอบแล้ว”
พิพากษายืน