คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10462/2553

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยว่า การมอบอำนาจให้ฟ้องคดีของโจทก์ชอบด้วยกฎหมายที่จะทำให้โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ แม้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 8 และที่ 10 จะไม่ได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้มาในศาลล่าง แต่เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย จำเลยที่ 1 ถึงที่ 8 – และที่ 10 จึงยกขึ้นในชั้นฎีกาได้ การที่โจทก์ซึ่งเป็นวัดผู้ที่มีหน้าที่กระทำการแทนคือเจ้าอาวาส หากเจ้าอาวาสไม่กระทำด้วยตนเอง ต้องการให้บุคคลอื่นกระทำแทน รวมถึงการฟ้องคดีก็ต้องทำเป็นหนังสือมอบอำนาจและต้องปิดอากรแสตมป์ตาม ป.รัษฎากร เมื่อการมอบอำนาจระหว่างเจ้าอาวาสของโจทก์ที่ตั้งให้ ส. ดำเนินคดีแทนโดยไม่ปิดอากรแสตมป์ การมอบอำนาจจึงไม่ชอบ ส. จึงไม่มีอำนาจมอบอำนาจช่วงให้ จ. เป็นผู้รับมอบอำนาจฟ้องคดีได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องทั้งแปดสำนวนขอให้บังคับจำเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ 890 และ 895 ตำบลท่าทราย อำเภอตลาดขวัญ จังหวัดนนทบุรี และสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 74/998 เลขที่ 74/1000 – 1 เลขที่ 74/999 เลขที่ 74/1005 – 6 เลขที่ 74/920 เลขที่ 74/994 เลขที่ 74/1003 เลขที่ 74/995 ตำบลท่าทราย อำเภอตลาดขวัญ จังหวัดนนทบุรี และส่งมอบคืนโจทก์ในสภาพเรียบร้อยสามารถใช้ประโยชน์ได้ทันที และห้ามไปเกี่ยวข้องในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว ให้จำเลยทั้งเก้าชำระค่าขาดประโยชน์ในอัตราเดือนละ 3,500 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจำเลยทั้งเก้าจะขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างและส่งมอบที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 8 และที่ 10 ให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ออกไปจากสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 74/998 จำเลยที่ 3 ออกจากสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 74/1000-1 จำเลยที่ 4 ออกจากสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 74/999 และที่ดินธรณีสงฆ์แปลงที่ 130 จำเลยที่ 5 ออกจากสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 74/1005-6 จำเลยที่ 6 ออกจากสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 74/920 จำเลยที่ 7 ออกจากสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 74/994 จำเลยที่ 8 ออกจากสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 74/1003 จำเลยที่ 10 ออกจากสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 74/995 ซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 890 และ 895 ตำบลท่าทราบ อำเภอตลาดขวัญ จังหวัดนนทบุรี และส่งมอบสิ่งปลูกสร้างและที่ดินคืนแก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อย กับห้ามจำเลยทั้งหมดเข้าไปเกี่ยวข้องในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว ให้จำเลยชำระค่าขาดประโยชน์ในอัตราเดือนละ 500 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งหมดจะขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และส่งมอบที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้แก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อย ให้จำเลยทั้งหมดชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความรวม 5,000 บาท
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 8 และที่ 10 อุทธรณ์โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุอันควรที่จะอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงได้
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 8 และที่ 10 ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นแต่ละสำนวนแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความสำนวนละ 600 บาท และใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์สำนวนละ 500 บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 8 และที่ 10 ฎีกาโดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 8 และที่ 10 ว่า การมอบอำนาจให้ฟ้องคดีของโจทก์ชอบด้วยกฎหมายที่จะทำให้โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า แม้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 8 และที่ 10 จะไม่ได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้มาในศาลล่าง แต่เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยและจำเลยที่ 1 ถึงที่ 8 และที่ 10 จึงยกขึ้นในชั้นฎีกาได้ การที่โจทก์ซึ่งเป็นวัดผู้ที่มีหน้าที่กระทำการแทนคือเจ้าอาวาส หากเจ้าอาวาสไม่กระทำด้วยตนเอง ต้องการให้บุคคลอื่นกระทำแทน รวมถึงการฟ้องคดีก็ต้องทำเป็นหนังสือมอบอำนาจและต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากรเมื่อการมอบอำนาจระหว่างเจ้าอาวาสของโจทก์ที่ตั้งให้นายเสถียรไวยาวัจกรดำเนินคดีแทนโดยไม่ปิดอากรแสตมป์ การมอบอำนาจจึงไม่ชอบ นายเสถียรจึงไม่มีอำนาจมอบช่วงให้นายจตุพรเป็นผู้รับมอบอำนาจฟ้องคดีได้ ฎีกาของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 8 และที่ 10 ฟังขึ้น ไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่นอีก”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องใหม่ภายในอายุความค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ

Share