แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นเพื่อขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าซื้อทรัพย์ 2 ครั้ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องทั้งสองครั้ง ผู้ซื้อทรัพย์มิได้อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น แต่กลับยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ภาค 4 อ้างว่าเป็นการขอคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวในระหว่างการพิจารณา แต่ในคำร้องมีเนื้อหาเป็นการขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งให้ขยายระยะเวลาวางเงินค่าซื้อทรัพย์ต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี เช่นเดียวกับที่ผู้ซื้อทรัพย์เคยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้น ซึ่งหากศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งตามคำร้องขอของผู้ซื้อทรัพย์ก็เท่ากับเป็นการกลับคำสั่งของศาลชั้นต้น การยื่นคำร้องของผู้ซื้อทรัพย์เป็นการหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตาม ป.วิ.พ. 223 ที่บัญญัติว่า คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้นนั้นให้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ จึงไม่ชอบด้วยบทกฎหมายดังกล่าว แม้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 รับวินิจฉัยให้ก็เป็นการไม่ชอบ
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากจำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 5633 และ 5634 ตำบลวังสะพุง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย ซึ่งเป็นทรัพย์ของจำเลยออกขายทอดตลาด ในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2550 ผู้ซื้อทรัพย์ได้ซื้อทรัพย์ดังกล่าวจากการขายทอดตลาดในราคา 1,530,000 บาท โดยทำหนังสือสัญญาซื้อขายและวางเงินมัดจำไว้ 50,000 บาท และสัญญาว่าจะนำเงินที่ค้างชำระ 1,480,000 บาท มาชำระต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีให้เสร็จภายใน 15 วัน นับแต่วันซื้อเป็นต้นไป หลังจากนั้นผู้ซื้อทรัพย์ขออนุญาตเจ้าพนักงานบังคับคดีขยายระยะเวลาวางเงินส่วนที่เหลือไปอีก 2 ครั้ง ถึงวันที่ 5 มีนาคม 2551
ต่อมาวันที่ 6 มีนาคม 2551 ผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นอ้างว่า ผู้ซื้อทรัพย์อยู่ระหว่างขอสินเชื่อจากธนาคาร ไม่สามารถนำเงินไปชำระต่อเจ้าพนักงานบังคดีได้ ขอขยายระยะเวลาวางเงินไปอีก 20 วัน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ
วันที่ 7 มีนาคม 2551 ผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นอ้างว่าผู้ซื้อทรัพย์หาเงินไม่ทันตามกำหนด ขอขยายระยะเวลาวางเงินไปอีก 20 วัน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ
วันที่ 14 มีนาคม 2551 ผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 4 โดยขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 ขยายระยะเวลาวางเงินค่าซื้อทรัพย์จนกว่าคดีจะถึงที่สุด
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งว่า แม้ตามคำร้องของผู้ร้องจะระบุว่าเป็นการขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณา แต่เนื้อหาในคำร้องเป็นการขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีซึ่งตามประกาศของเจ้าพนักงานบังคับคดีเรื่องขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างระบุข้อสัญญาให้ผู้ซื้อทรัพย์ต้องชำระราคาส่วนที่เหลือภายในกำหนด 15 วัน อันเป็นระยะเวลาที่กำหนดเพื่อการชำระหนี้ เป็นอำนาจของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่จะขยายระยะเวลาการวางเงินค่าซื้อทรัพย์ให้แก่ผู้ร้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 4 หามีอำนาจในการขยายระยะเวลาดังกล่าวไม่ จึงให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ
ผู้ซื้อทรัพย์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เห็นว่า ในเบื้องต้นผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นเพื่อขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าซื้อทรัพย์ถึงสองครั้ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องทั้งสองครั้ง ซึ่งผู้ซื้อทรัพย์มิได้อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น แต่กลับยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ภาค 4 โดยตรง อ้างว่า เป็นการขอคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวในระหว่างพิจารณา แต่ในคำร้องมีเนื้อหาเป็นการขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งให้ขยายระยะเวลาวางเงินค่าซื้อทรัพย์ต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี เช่นเดียวกับที่ผู้ซื้อทรัพย์เคยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้น ซึ่งหากศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งตามคำร้องขอของผู้ซื้อทรัพย์ก็เท่ากับเป็นการกลับคำสั่งของศาลชั้นต้น การยื่นคำร้องของผู้ซื้อทรัพย์ จึงเป็นการหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 223 ที่บัญญัติไว้ว่า คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้นนั้น ให้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ จึงเป็นคำคู่ความที่ไม่ชอบด้วยบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวแม้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 รับวินิจฉัยให้ก็เป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 4 ยกฎีกาของผู้ซื้อทรัพย์ให้คืนค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาทั้งหมดให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์ ค่าฤชาธรรมเนียมนอกจากนี้ให้เป็นพับ