คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10298/2550

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสองเด็ดขาดและพิพากษาให้จำเลยทั้งสองล้มละลาย คดีถึงที่สุดแล้ว โดยจำเลยที่ 1 มิได้อุทธรณ์ฎีกาโต้แย้งว่ามีการพิจารณาที่ผิดระเบียบแต่อย่างใด ต่อมาเมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำขอให้ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งหยุดนับระยะเวลาในการที่จำเลยที่ 1 จะได้รับการปลดจากล้มละลายตาม พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 81/2 ประกอบมาตรา 81/3 ในชั้นนี้จึงมีประเด็นเพียงว่า ศาลล้มละลายกลางสมควรที่จะมีคำสั่งให้หยุดนับระยะเวลาในการที่จำเลยที่ 1 จะได้รับการปลดจากล้มละลายหรือไม่ การที่ศาลล้มละลายกลางสอบถามเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในวันนัดไต่สวนคำขอดังกล่าวเกี่ยวกับภูมิลำเนาของจำเลยที่ 1 ในขณะที่มีการขอให้จำเลยที่ 1 ล้มละลายหรือภายในกำหนดเวลา 1 ปี ก่อนนั้น ตาม พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 7 แล้วมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 1 เด็ดขาดและมีคำสั่งใหม่เป็นไม่รับฟ้องจำเลยที่ 1 ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 27 ประกอบพ.ร.บ.จัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลายฯ มาตรา 14 จึงไม่ชอบ

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสองเด็ดขาดเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2544 และพิพากษาให้จำเลยทั้งสองล้มละลายเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2545
วันที่ 6 มกราคม 2548 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำขอให้ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งหยุดนับระยะเวลาในการที่จำเลยที่ 1 จะได้รับการปลดจากล้มละลายตามมาตรา 81/2 ประกอบมาตรา 81/3 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2547 ไว้ก่อนเป็นเวลา 2 ปี นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งให้หยุดนับระยะเวลาดังกล่าว
ในวันนัดไต่สวน ศาลล้มละลายกลางสอบถามเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้ว เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 7 กำหนดให้ลูกหนี้ที่มีหนี้สินล้นพ้นตัวอาจถูกศาลพิพากษาให้ล้มละลายได้ ถ้าลูกหนี้มีภูมิลำเนาในราชอาณาจักรในขณะที่มีการขอให้ลูกหนี้ล้มละลายหรือภายใน 1 ปี ก่อนนั้นซึ่งคดีนี้โจทก์มายื่นฟ้องลูกหนี้ (จำเลย) ที่ 1 เป็นเวลาถึง 15 ปี หลังจากจำเลยที่ 1 ย้ายภูมิลำเนาไปประเทศสหรัฐอเมริกา จึงเป็นกรณีที่โจทก์ไม่อาจฟ้องจำเลยที่ 1 ให้ล้มละลายได้ อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ.2542 มาตรา 14 จึงเห็นควรให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาสำหรับจำเลยที่ 1 ตั้งแต่คำสั่งรับฟ้องเป็นต้นไปจนถึงชั้นพิพากษาแล้วมีคำสั่งใหม่เป็นไม่รับฟ้องจำเลยที่ 1 อนึ่ง เมื่อศาลมีคำสั่งไม่รับฟ้องจำเลยที่ 1 แล้ว คดีจึงไม่มีความจำเป็นต้องไต่สวนคำขอให้ศาลหยุดนับระยะเวลาในการที่จำเลยที่ 1 จะได้รับการปลดจากบุคคลล้มละลายอีกต่อไป ให้ยกคำขอดังกล่าว
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกาโดยด้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “มีปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า คำสั่งของศาลล้มละลายกลางที่ให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาสำหรับจำเลยที่ 1 ตั้งแต่คำสั่งรรับฟ้องเป็นต้นไปจนถึงชั้นพิพากษาแล้วมีคำสั่งใหม่เป็นไม่รับฟ้องจำเลยที่ 1 ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสองเด็ดขาดและพิพากษาให้จำเลยทั้งสองล้มละลาย คดีถึงที่สุดแล้ว โดยจำเลยที่ 1 มิได้อุทธรณ์ฎีกาโต้แย้งว่ามีการพิจารณาที่ผิดระเบียบแต่อย่างใด และในชั้นนี้มีประเด็นในศาลล้มละลายกลางเพียงว่า ศาลล้มละลายกลางสมควรที่จะมีคำสั่งให้หยุดนับระยะเวลาในการที่จำเลยที่ 1 จะได้รับการปลดจากล้มละลายหรือไม่ การที่ศาลล้มละลายกลางให้เพิกถอนคกสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่ 1 เด็ดขาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 จึงไม่ชอบ ที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งมานั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษายกคำสั่งของศาลล้มละลายกลาง ลงวันที่ 18 มีนาคม 2548 ให้ศาลล้มละลายกลางดำเนินการไต่สวนคำขอของเข้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้วมีคำสั่งต่อไปตามรูปคดี

Share