คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6410/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ขณะจำเลยกระทำความผิด พ.ร.บ.ปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2503 ยังใช้บังคับอยู่ และ ป.อ. มาตรา 282 ยังมิได้มีการแก้ไข แม้ต่อมาก่อนคดีถึงที่สุด พ.ร.บ.ปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2503 ถูกยกเลิกโดย พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 และมีการแก้ไข ป.อ. มาตรา 282 แต่การเป็นเจ้าของกิจการค้าประเวณีหรือผู้จัดการสถานการค้าประเวณีและการเป็นธุระจัดหาเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นก็ยังถือว่าเป็นความผิดอยู่ และกฎหมายที่บัญญัติใหม่ไม่เป็นคุณแก่ผู้กระทำความผิด จึงต้องใช้ พ.ร.บ.ปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2503 และ ป.อ. มาตรา 282 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำผิดบังคับแก่คดี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 พระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2503 มาตรา 4, 9 คืนธนบัตรของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 วรรคแรก พระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2503 มาตรา 9 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวณกฎหมายอาญา มาตรา 282 วรรคแรก ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 2 ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 1 ปี 4 เดือน คืนธนบัตรของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยเป็นธุระจัดหาหญิงเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นโดยหญิงนั้นยินยอมและห้องที่จัดแบ่งไว้หลังร้านอาหารที่นางสาวอริศาพาสิบตำรวจเอกเสน่ห์ไปร่วมประเวณีด้วยนั้นก็เชื่อได้ว่าจำเลยจัดไว้เพื่อให้บุคคลอื่นทำการค้าประเวณีโดยจัดให้มีผู้ทำการค้าประเวณีเพื่อการนั้นด้วย ห้องดังกล่าวจึงเป็นสถานการค้าประเวณี จำเลยเป็นเจ้าของร้านเกิดเหตุมีนางสาวอริศาเป็นพนักงานประจำร้านและก่อนที่นางสาวอริศาจะไปบริการที่โต๊ะอาหารที่ร้อยตำรวจเอกเทิดไทยและสิบตำรวจเอกเสน่ห์นั่งอยู่ นางสาวอริศาได้บอกภริยาจำเลยให้ทราบแล้วว่า นางสาวอริศาจะบริการประจำที่โต๊ะนี้ และหลังจากนางสาวอริศาขายบริการทางเพศให้แก่สิบตำรวจเอกเสน่ห์เสร็จแล้ว ภริยาจำเลยยังคิดค่าบริการทางเพศรวมกับรายการค่าอาหารและเครื่องดื่มแม้ขณะนั้นจำเลยไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุแต่จำเลยก็ให้การรับสารภาพทันทีหลังจากถูกแจ้งข้อหา ตามพฤติการณ์ดังกล่าวจึงไม่น่าเชื่อว่าจำเลยไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนที่จำเลยอ้างว่าห้องที่จัดแบ่งไว้หลังร้านอาหารเป็นห้องพักอาศัยของพนักงานไม่ได้มีไว้เพื่อการค้าประเวณีนั้น ข้ออ้างของจำเลยไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานโจทก์ จำเลยจึงมีความผิดตามฟ้อง
อนึ่ง ขณะจำเลยกระทำความผิด พระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2503 ยังใช้บังคับอยู่ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 ยังมิได้มีการแก้ไข แม้ต่อมาก่อนคดีถึงที่สุดพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2503 ถูกยกเลิกโดยพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 และมีการแก้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 แต่การเป็นเจ้าของกิจการค้าประเวณีหรือผู้จัดการสถานการค้าประเวณีและการเป็นธุระจัดหาเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นก็ยังถือว่าเป็นความผิดอยู่ และกฎหมายที่บัญญัติใหม่ไม่เป็นคุณแก่ผู้กระทำความผิด จึงต้องใช้พระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2503 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำผิดบังคับแก่คดี…
พิพากษายืน

Share