คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2248/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

จำเลยยื่นฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาและให้จำเลยนำส่งสำเนาฎีกาแก่ทุกฝ่ายภายใน 7 วัน หากส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน 15 วัน แม้จำเลยจะไม่ได้ลงชื่อรับทราบคำสั่ง แต่เมื่อแบบพิมพ์ท้ายฎีกามีข้อความว่า “ข้าพเจ้าได้ยื่นสำเนาฎีกาโดยข้อความถูกต้องเป็นอย่างเดียวกันมาด้วย 2 ฉบับ และรอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว” และศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันที่จำเลยยื่นฎีกานั้นเอง จึงต้องถือว่าจำเลยได้ทราบคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวแล้ว เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าว จึงเป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด เป็นการทิ้งฟ้องฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 174 (2) ประกอบมาตรา 246 และมาตรา 247

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์ จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์ขอให้บังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่ยึดไว้ในราคา 2,050,000 บาท
จำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต ต่อมาศาลชั้นต้นสอบถามจำเลยและนายแสงชัย วสุนธรา ผู้ซื้อทรัพย์แล้วได้ความว่า ศาลแพ่งมีคำพิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย และจำเลยยังไม่พ้นจากการเป็นบุคคลล้มละลาย และเห็นว่าการที่จำเลยยื่นคำร้องดังกล่าวเป็นการจัดการเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สินซึ่งจำเลยไม่มีอำนาจกระทำได้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตไปโดยผิดหลง จึงให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวทั้งหมด และมีคำสั่งใหม่ให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาแต่จำเลยไม่นำส่งสำเนาฎีกาให้แก่โจทก์ผู้ซื้อทรัพย์และเจ้าพนักงานบังคับคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ศาลชั้นต้นจึงสั่งให้ส่งสำนวนมายังศาลฎีกา แต่ก่อนส่งสำนวนจำเลยได้ยื่นคำแถลงว่า จำเลยป่วยรักษาตัวอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ไม่สามารถเดินทางมาศาลเพื่อวางเงินค่านำส่งสำเนาฎีกาได้ตามกำหนด จึงขอวางเงินดังกล่าว ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วส่งสำนวนมายังศาลฎีกาเพื่อพิจารณา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยยื่นฎีกาเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2545 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาและให้จำเลยนำส่งสำเนาฎีกาแก่ทุกฝ่ายภายใน 7 วัน หากส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน 15 วัน แม้จำเลยจะไม่ได้ลงชื่อรับทราบคำสั่ง แต่เมื่อแบบพิมพ์ท้ายฎีกามีข้อความว่า “ข้าพเจ้าได้ยื่นสำเนาฎีกาโดยข้อความถูกต้องเป็นอย่างเดียวกันมาด้วย 2 ฉบับ และรอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว” และศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันที่จำเลยยื่นฎีกานั้นเอง จึงต้องถือว่าจำเลยได้ทราบคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวแล้ว ที่จำเลยอ้างว่ามิได้จงใจไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลเนื่องจากไม่ทราบคำสั่งศาลชั้นต้น และจำเลยเจ็บป่วยรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลธนบุรี ไม่สามารถเดินทางมาวางเงินค่านำส่งสำเนาฎีกาจึงรับฟังไม่ได้ เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวจึงเป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด เป็นการทิ้งฟ้องฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174 (2) ประกอบมาตรา 246 และมาตรา 247″
ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความของศาลฎีกา

Share