คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 298/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

นายวงแชร์คือบุคคลที่จัดให้มีการเล่นแชร์ขึ้น โดยมีหน้าที่จัดให้มีการประมูลแชร์รวบรวมเงินจากผู้ร่วมเล่นแชร์เพื่อมอบให้แก่ผู้ประมูลแชร์ได้ ต้องรับผิดชอบถ้าผู้ประมูลแชร์ได้รับเงินไม่ครบ นายวงแชร์จะได้รับผลตอบแทนโดยได้รับเงินจากผู้ร่วมเล่นแชร์เป็นอันดับแรกโดยไม่ต้องประมูล ดังนั้น เมื่อโจทก์ประมูลแชร์ได้ บ. นายวงแชร์จึงมอบเช็คของผู้ร่วมเล่นแชร์รวมทั้งเช็คพิพาทให้แก่โจทก์ เมื่อเช็คที่โจทก์ได้รับถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินทั้ง 10 ฉบับ โจทก์จึงทวงถามให้ บ. ในฐานะเป็นนายวงแชร์รับผิดชอบและได้มอบเช็คที่ถูกปฏิเสธการจ่ายเงินทั้ง 10 ฉบับให้แก่ บ. เพื่อนำไปเปลี่ยนเป็นเช็คฉบับใหม่หรือเปลี่ยนเป็นเงินสด หาใช่ บ. ไปรับเฉพาะเช็คพิพาทมาจากโจทก์เท่านั้น บ. จึงหาใช่ตัวแทนของจำเลยแต่เป็นตัวแทนของโจทก์ เมื่อ บ. นำเช็คพิพาทไปแลกเงินสดจากจำเลยได้แล้ว ย่อมถือได้ว่าจำเลยได้ชำระหนี้ตามเช็คให้แก่โจทก์แล้ว จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์อีก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 107,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 100,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 16 กันยายน 2539 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายศาลฎีกาจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ได้วินิจฉัยมา โดยข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ว่า โจทก์ จำเลยและบุคคลอื่นๆ รวม 23 คน ร่วมเล่นแชร์กัน โดยมีนายบุญโรจน์ ชัยประดับเกียรติ เป็นนายวงแชร์ เมื่อจำเลยประมูลแชร์ได้จำเลยได้สั่งจ่ายเช็คหลายฉบับรวมทั้งเช็คพิพาทมอบให้แก่นายบุญโรจน์ไว้เพื่อมอบให้แก่ลูกวงแชร์คนอื่น ๆ ที่ประมูลแชร์ได้ในภายหลัง ต่อมาโจทก์ประมูลแชร์ได้และได้รับเช็คพิพาทซึ่งเป็นเช็คธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาบางเมฆขาว ลงวันที่ 16 กันยายน 2539 จำนวนเงิน 100,000 บาท เป็นเช็คผู้ถือที่จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายกับเช็คของผู้ร่วมเล่นแชร์คนอื่น เมื่อเช็คพิพาทถึงกำหนดโจทก์นำไปเรียกเก็บเงินแต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินในวันเดียวกับวันที่สั่งจ่ายเช็ค โจทก์ทวงถามให้นายบุญโรจน์รับผิดชอบ วันที่ 23 กันยายน 2539 นายบุญโรจน์ให้นายเจริญ ชัยประดับเกียรติ หลานชายมารับเช็คจำนวน 10 ฉบับที่โจทก์ได้รับจากการเล่นแชร์รวมทั้งเช็คพิพาทซึ่งถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินทุกฉบับเพื่อไปเปลี่ยนเช็คฉบับใหม่หรือเปลี่ยนเป็นเงินสด ซึ่งข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 รับฟังมานั้นยังไม่เพียงพอที่จะวินิจฉัย ฎีกาข้อกฎหมายของจำเลยยังคงมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้ชำระเงินตามเช็คพิพาทให้แก่นายบุญโรจน์แล้วหรือไม่ ซึ่งศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยข้อเท็จจริงดังกล่าวโดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัย สำหรับปัญหาที่ว่าจำเลยชำระเงินตามเช็คพิพาทให้แก่นายบุญโรจน์แล้วหรือไม่นั้น จำเลยนำสืบว่านางไพรินทร์ ชัยประดับเกียรติ ภริยานายบุญโรจน์ผู้เป็นนายวงแชร์ได้นำเช็คพิพาทมามอบให้แก่จำเลยพร้อมกับรับเงินสดจำนวน 100,000 บาท ไปจากจำเลย โจทก์ไม่ได้นำสืบหักล้างในข้อนี้ แต่นำสืบเจือสมข้อนำสืบของจำเลยว่า หลังจากธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาทแล้ว โจทก์ได้ทวงถามนายบุญโรจน์ว่าจะรับผิดชอบอย่างไร แล้วต่อมานายบุญโรจน์ได้ให้นายเจริญมารับเช็คพิพาทรวมทั้งเช็คฉบับอื่นเพื่อไปเปลี่ยนเป็นเช็คฉบับใหม่หรือเปลี่ยนเป็นเงินสด อีกทั้งเช็คพิพาทก็อยู่ในความครอบครองของจำเลยด้วยเช่นนี้ ข้อเท็จจริงจึงน่าเชื่อว่า จำเลยชำระเงินตามเช็คพิพาทให้แก่นายบุญโรจน์นายวงแชร์แล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยประการแรกว่า การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่า นายวงแชร์เป็นตัวแทนของจำเลยในการไปรับเช็คพิพาทจากโจทก์เป็นการวินิจฉัยเกินไปกว่าหรือนอกเหนือจากที่ปรากฏในคำฟ้องหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ในฐานะผู้ทรงฟ้องให้จำเลยในฐานะผู้สั่งจ่ายรับผิดชำระเงินตามเช็คให้แก่โจทก์ การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่า จำเลยให้นายบุญโรจน์ซึ่งเป็นนายวงแชร์ไปเอาเช็คพิพาทคืนจากโจทก์เพื่อมาแลกเงินสดจากจำเลย นายบุญโรจน์จึงเป็นตัวแทนของจำเลย เมื่อนายบุญโรจน์ไม่ได้นำเงินที่จำเลยชำระไปให้แก่โจทก์ จำเลยจึงต้องชำระตามเช็คให้แก่โจทก์เท่ากับศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่าจำเลยยังไม่ได้ชำระหนี้ตามเช็คให้แก่โจทก์นั่นเอง คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ดังกล่าวจึงไม่เกินจากคำฟ้อง ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น มีปัญหาต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยต่อไปว่า การที่จำเลยชำระเงินตามเช็คพิพาทให้แก่นายบุญโรจน์นายวงแชร์แล้วรับเช็คพิพาทกลับคืนมานั้นมูลหนี้ตามเช็คระงับไปแล้วหรือไม่ เห็นว่า นายวงแชร์คือบุคคลที่จัดให้มีการเล่นแชร์ขึ้นโดยมีหน้าที่จัดให้มีการประมูลแชร์ รวบรวมเงินจากผู้ร่วมเล่นแชร์เพื่อมอบให้แก่ผู้ประมูลแชร์ได้ ต้องรับผิดชอบถ้าผู้ประมูลแชร์ได้รับเงินไม่ครบ ทั้งนี้นายวงแชร์ได้รับผลตอบแทนโดยได้รับเงินจากผู้ร่วมเล่นเป็นอันดับแรกโดยไม่ต้องประมูล ดังนั้น เมื่อโจทก์ประมูลแชร์ได้นายบุญโรจน์จึงมอบเช็คของผู้ร่วมเล่นแชร์รวมทั้งเช็คพิพาทให้แก่โจทก์ เมื่อเช็คที่โจทก์ได้รับถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินทั้ง 10 ฉบับ โจทก์จึงทวงถามให้นายบุญโรจน์ในฐานะเป็นนายวงแชร์รับผิดชอบและได้มอบเช็คที่ถูกปฏิเสธการจ่ายเงินทั้ง 10 ฉบับ ให้แก่นายบุญโรจน์เพื่อนำไปเปลี่ยนเป็นเช็คฉบับใหม่หรือเปลี่ยนเป็นเงินสด หาใช่นายบุญโรจน์ไปรับเฉพาะเช็คพิพาทมาจากโจทก์เท่านั้น นายบุญโรจน์จึงหาใช่ตัวแทนของจำเลย แต่เป็นตัวแทนของโจทก์เมื่อนายบุญโรจน์นำเช็คพิพาทไปแลกเงินสดจากจำเลยได้แล้ว ย่อมถือได้ว่าจำเลยได้ชำระหนี้ตามเช็คให้แก่โจทก์แล้ว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่า นายบุญโรจน์เป็นตัวแทนของจำเลย จำเลยจึงยังไม่ได้ชำระหนี้ตามเช็คพิพาทให้แก่โจทก์ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยแล้วว่า จำเลยได้ชำระหนี้ตามเช็คพิพาทแล้ว ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์อีก ประเด็นที่จำเลยฎีกาว่า มูลหนี้ตามเช็คพิพาทฝ่าฝืนต่อกฎหมายเป็นโมฆะ จึงไม่จำต้องวินิจฉัย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share