คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1391/2550

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

เงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาที่ผู้อุทธรณ์นำมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 229 นั้น เป็นเงินที่วางเพื่อเป็นประกันว่าหากในที่สุดศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยทั้งหกผู้อุทธรณ์ต้องรับผิดชำระค่าธรรมเนียมแทนคู่ความที่ชนะคดีแล้ว ผู้ชนะคดีจะมีสิทธิได้รับค่าธรรมเนียมที่ได้ออกใช้ก่อนจากเงินที่จำเลยทั้งหกผู้อุทธรณ์วางไว้ได้ โดยผู้ชนะคดีไม่จำต้องดำเนินการบังคับคดี
คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ย่อมมีผลเท่ากับว่าศาลอุทธรณ์พิพากษายืนสำหรับคดีในส่วนของจำเลยที่ 1 เมื่อไม่ปรากฏว่าศาลชั้นต้นสั่งค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ไม่ถูกต้อง ศาลอุทธรณ์ย่อมไม่อาจก้างล่วงไปเปลี่ยนแปลงคำสั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมของศาลชั้นต้นระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ได้ ทั้งเป็นดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ที่เห็นสมควรไม่แก้ไขคำสั่งศาลชั้นต้นในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่กล่าวว่า ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งหกให้เป็นพับ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ย่อมหมายความว่า ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งหกในชั้นอุทธรณ์เท่านั้นที่เป็นพับ คำพิพากษาศาลชั้นต้นส่วนที่สั่งให้จำเลยทั้งหกร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นแทนโจทก์มิได้ถูกเพิกถอน เมื่อจำเลยที่ 1 เป็นฝ่ายแพ้คดีในชั้นที่สุด และจำเลยทั้งหกยังมีความรับผิดที่จะต้องร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นแทนโจทก์ตามที่ศาลอุทธรณ์กล่าวไว้ในตอนท้ายของคำพิพากษา โจทก์ย่อมมีสิทธิขอรับเงินค่าธรรมเนียมที่จำเลยทั้งหกผู้อุทธรณ์วางไว้ต่อศาลเพื่อชำระค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้ให้แก่โจทก์ได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งหกร่วมกันชะระเงิน พร้อมดอกเบี้ย นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ จำเลยทั้งหกอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งหกให้เป็นพับ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาพิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ
จำเลยทั้งหกยื่นคำแถลงขอรับเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจำเลยทั้งหกนำมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำแถลง
จำเลยทั้งหกอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยทั้งหกว่าจำเลยทั้งหกมีสิทธิขอรับเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจำเลยทั้งหกนำมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์หรือไม่ เห็นว่า เงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาที่ผู้อุทธรณ์นำมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 นั้น เป็นเงินที่วางเพื่อเป็นประกันว่าหากในที่สุดศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยทั้งหกผู้อุทธรณ์ต้องรับผิดชำระค่าธรรมเนียมแทนคู่ความที่ชนะคดีแล้ว ผู้ชนะคดีจะมีสิทธิได้รับค่าธรรมเนียมที่ได้ออกใช้ก่อนจากเงินที่จำเลยทั้งหกผู้อุทธรณ์วางไว้ได้ โดยผู้ชนะคดีไม่จำต้องดำเนินการบังคับคดี คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ย่อมมีผลเท่ากับว่าศาลอุทธรณ์พิพากษายืนสำหรับคดีในส่วนของจำเลยที่ 1 เมื่อไม่ปรากฏว่าศาลชั้นต้นสั่งค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ไม่ถูกต้อง ศาลอุทธรณ์ย่อมไม่อาจก้าวล่วงไปเปลี่ยนแปลงคำสั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมของศาลชั้นต้นระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ได้ ทั้งเป็นดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ที่เห็นสมควรไม่แก้ไขคำสั่งศาลชั้นต้นในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่กล่าวว่าค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งหกให้เป็นพับ นอกจากที่แก้คงให้เป็นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ย่อมหมายความว่าค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งหกในชั้นอุทธรณ์เท่านั้นที่เป็นพับ คำพิพากษาศาลชั้นต้นส่วนที่สั่งให้จำเลยทั้งหกร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นแทนโจทก์มิได้ถูกเพิกถอน เมื่อจำเลยที่ 1 เป็นฝ่ายแพ้คดีในชั้นที่สุด และจำเลยทั้งหกยังมีความรับผิดที่จะต้องร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นแทนโจทก์ตามที่ศาลอุทธรณ์กล่าวไว้ในตอนท้ายของคำพิพากษา โจทก์ย่อมมีสิทธิขอรับเงินค่าธรรมเนียมที่จำเลยทั้งหกผู้อุทธรณ์วางไว้ต่อศาลเพื่อชำระค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้ให้แก่โจทก์ได้ เพราะมิฉะนั้นแล้วเงินจำนวนดังกล่าวก็จะต้องคืนให้แก่จำเลยทั้งหกผู้อุทธรณ์ ซึ่งย่อมไม่เป็นประโยชน์อันใดที่กฎหมายจะบังคับให้วางเงินค่าธรรมเนียมเช่นว่านั้นต่อศาล จำเลยทั้งหกจึงไม่มีสิทธิขอรับเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวคืน ที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำแถลงของจำเลยทั้งหกนั้นชอบแล้ว คำพิพากษาศาลฎีกาที่จำเลยทั้งหกอ้างมาข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ อุทธรณ์ของจำเลยทั้งหกฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share