คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4817/2548

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

จำเลยอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ โดยขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับคำสั่งของศาลชั้นต้น เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย หากจำเลยประสงค์จะอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นจำเลยก็ต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ. มาตรา 234 โดยยื่นคำขอเป็นคำร้องต่อศาลชั้นต้น และนำค่าธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลภายในกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันที่ศาลได้มีคำสั่ง แม้อุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการขอให้พิจารณาคดีใหม่มิใช่อุทธรณ์ในเนื้อหาของคำพิพากษาศาลชั้นต้นก็ตาม แต่เป็นการอุทธรณ์คำสั่งให้รับอุทธรณ์ภายหลังที่ศาลชั้นต้นพิพากษาชี้ขาดตัดสินคดีแล้ว เมื่อมีการอุทธรณ์เช่นนี้ ย่อมทำให้การบังคับล่าช้าออกไปและอาจเสียหายแก่โจทก์ผู้ชนะคดีได้ จำเลยจึงต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของบทบัญญัติมาตรา 234 ดังกล่าวให้ครบถ้วนด้วย เมื่อปรากฏว่าจำเลยเพียงแต่นำค่าฤชาธรรมเนียมมาวางศาลโดยมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล คำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ชอบที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 จะปฏิเสธไม่รับวินิจฉัยให้ การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยจึงเป็นการไม่ชอบ และถือไม่ได้ว่าฎีกาของจำเลยเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 1 จำเลยจึงไม่มีสิทธิฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ตามสัญญากู้เงินจำนวน 140,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 80,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์
จำเลยยื่นคำร้องว่า จำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาจำเลยมีพยานหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์และมีทางชนะคดี จำเลยกู้เงินจากโจทก์เพียง 30,000 บาท โจทก์ให้จำเลยลงลายมือชื่อในสัญญากู้เงินโดยมิได้กรอกข้อความ สัญญากู้เงินเป็นเอกสารปลอม ขอให้พิจารณาคดีใหม่
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยอุทธรณ์โดยไม่นำค่าธรรมเนียมใช้แทนคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษามาวางศาล ไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 จึงไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย คืนค่าขึ้นศาลให้จำเลย
จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ และนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษามาวางศาลในวันเดียวกัน
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งว่า จำเลยอุทธรณ์ขอให้ศาลมีคำสั่งกลับคำสั่งศาลชั้นต้นให้รับคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป เท่ากับให้ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและให้พิจารณาคดีใหม่ จำเลยจึงต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษามาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 เมื่อจำเลยไม่นำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ดังกล่าว จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยชอบแล้ว และที่จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวมาวางศาลพร้อมคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง ก็เป็นเวลาภายหลังที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยแล้ว ย่อมไม่มีผลทำให้อุทธรณ์ของจำเลยเป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วยกฎหมายควรรับไว้พิจารณา ให้ยกคำร้อง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้เดิมศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย เพราะเห็นว่าคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 1 เป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 และจำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา ศาลฎีกามีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลย เนื่องจากมิใช่เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยด้วยเหตุเนื้อหาในอุทธรณ์ของจำเลยต้องห้ามอุทธรณ์อันจะเป็นที่สุดตามบทกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาเห็นควรวินิจฉัยเสียก่อนว่า คำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้จำเลยอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ โดยขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำสั่งของศาลชั้นต้น เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย หากจำเลยประสงค์จะอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น จำเลยก็ต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 โดยยื่นคำขอเป็นคำร้องต่อศาลชั้นต้น และนำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลภายในกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันที่ศาลได้มีคำสั่ง แม้อุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการขอให้พิจารณาคดีใหม่มิใช่อุทธรณ์ในเนื้อหาของคำพิพากษาศาลชั้นต้นก็ตาม แต่เป็นการอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ภายหลังที่ศาลชั้นต้นพิพากษาชี้ขาดตัดสินคดีแล้ว เมื่อมีการอุทธรณ์เช่นนี้ย่อมทำให้การบังคับคดีล่าช้าออกไปและอาจเสียหายแก่โจทก์ผู้ชนะคดีได้ จำเลยจึงต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของบทบัญญัติมาตรา 234 ดังกล่าวในกรณีเช่นนี้ให้ครบถ้วนด้วย เมื่อปรากฏว่าจำเลยเพียงแต่นำฤชาธรรมเนียมมาวางศาลโดยมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล คำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ชอบที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 จะปฏิเสธไม่รับวินิจฉัยให้ การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยจึงเป็นการไม่ชอบ และถือไม่ได้ว่าฎีกาของจำเลยเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 1 จำเลยจึงไม่มีสิทธิฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้”
พิพากษายกคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 1 และยกฎีกาของจำเลย ให้คืนค่าขึ้นศาลทั้งหมดในชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาแก่จำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกานอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ

Share