คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1982/2548

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดินพร้อมทั้งรื้อถอนอาคารสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่เช่า พร้อมกับให้ชำระค่าใช้ประโยชน์และค่าเช่าค้างชำระโดยโจทก์อ้างว่าสัญญาเช่าสิ้นสุดลงแล้ว การที่จำเลยฟ้องแย้งขอให้โจทก์ชำระค่าอาคารโดยมูลเหตุที่จำเลยยอมมอบอาคารของจำเลยในพื้นที่เช่าให้โจทก์ใช้ประโยชน์ แม้อาคารดังกล่าวจะเป็นทรัพย์ที่เกี่ยวพันอยู่ในฟ้องเดิมและจำเลยฟ้องแย้งโดยไม่ได้อาศัยเหตุจากการถูกบอกเลิกสัญญาสัมปทานก็ตาม แต่มูลเหตุให้ใช้สิทธิเรียกร้องเพื่อให้รับผิดตามฟ้องและฟ้องแย้งนั้น โจทก์และจำเลยต่างอาศัยมูลเหตุแห่งสิทธิแตกต่างกัน ฟ้องแย้งของจำเลยจึงไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมพอที่จะรวมการพิจารณาชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ เป็นฟ้องแย้งที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสาม และมาตรา 179 วรรคท้าย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาเช่าที่ดินบริเวณย่านพหลโยธินจากโจทก์ เพื่อใช้เป็นย่านผลิตโครงสร้างคอนกรีตสำเร็จรูป กองเก็บวัสดุ และตั้งสำนักงานชั่วคราวสำหรับงานก่อสร้างโครงการทางรถไฟและถนนยกระดับตามความในข้อ 4 แห่งภาคผนวก ก. ของสัญญาสัมปทานระบบการขนส่งทางรถไฟและถนนยกระดับในกรุงเทพมหานครและการใช้ประโยชน์จากที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ฉบับลงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2533 ระหว่างกระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทยกับบริษัทโฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด รวมพื้นที่เช่าประมาณ 200,672 ตารางเมตร มีกำหนดระยะเวลาเช่า 3 ปี และโจทก์จะต่อกำหนดเวลาสัญญาเช่าให้อีก 1 ปี ในกรณีที่สัญญาสัมปทานสิ้นสุดลงไม่ว่าด้วยกรณีใดก็ตามให้ถือว่าสัญญาเช่าสิ้นสุดทันที จำเลยต้องรื้อถอนอาคารสิ่งปลูกสร้างส่งมอบที่ดินคืนโจทก์ เมื่อครบกำหนดสัญญาเช่า 3 ปีแล้ว โจทก์ได้ต่อสัญญาเช่าให้จำเลยอีก 1 ปี ต่อมาคู่สัญญาฝ่ายรัฐ (กระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทย) ได้มีหนังสือลงวันที่ 27 มกราคม 2541 บอกเลิกสัญญาสัมปทานดังกล่าวแล้ว เป็นผลให้สัญญาเช่าที่ดินระหว่างจำเลยกับโจทก์สิ้นสุดลงด้วย แต่จำเลยไม่ขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากพื้นที่เช่า ต่อมาโจทก์เจรจาและจำเลยยอมมอบอาคาร 1 หลัง ให้โจทก์ใช้เป็นที่ทำการของพนักงานโจทก์ จำเลยยังคงครอบครองใช้ประโยชน์พื้นที่เช่าจำนวน 184,769 ตารางเมตร ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดิน พร้อมทั้งรื้อถอนอาคารสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ในพื้นที่เช่าส่งมอบที่ดินคืนโจทก์ในสภาพเรียบร้อย และห้ามจำเลยเกี่ยวข้องอีกต่อไป ให้จำเลยชำระค่าใช้ประโยชน์ ค่าเช่าค้างชำระและค่าเสียหายแก่โจทก์ จนกว่าจำเลยและบริวารจะขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่ดินของโจทก์พร้อมทั้งรื้อถอนอาคารสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ และส่งมอบที่ดินคืนโจทก์ในสภาพเรียบร้อย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยทำสัญญาเช่าที่ดินจากโจทก์จริง แต่ยังไม่มีการต่ออายุสัญญาเช่าออกไปอีก 1 ปี โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเช่าในช่วงที่อ้างว่ามีการต่ออายุสัญญาเช่า หากรับฟังว่ามีการต่ออายุสัญญาเช่า สิทธิเรียกร้องค่าเช่าที่ค้างชำระก็ขาดอายุความแล้ว ค่าใช้ประโยชน์และค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องสูงเกินส่วน ความเสียหายที่เกิดขึ้นโจทก์มีส่วนผิดอยู่ด้วย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในค่าเสียหายเต็มจำนวนที่ฟ้อง คู่สัญญาฝ่ายรัฐบอกเลิกสัญญาโดยไม่ปฏิบัติตามวิธีการเฉพาะที่กำหนดไว้ในสัญญา เป็นการบอกเลิกสัญญาที่ไม่ชอบ อันมีผลทำให้จำเลยไม่มีโอกาสใช้และหาประโยชน์จากพื้นที่เช่าที่ได้ลงทุนไปแล้ว และหมดโอกาสได้รับเงินลงทุนในพื้นที่เช่าคืนในรูปของรายได้ที่จะได้รับตามสัญญาสัมปทาน โจทก์จึงต้องรับผิดในความเสียหายที่จำเลยได้รับจากการลงทุนพัฒนาพื้นที่เช่าและต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไป และโจทก์ได้รับมอบอาคารของจำเลยไปใช้เพื่อประโยชน์ของโจทก์ จึงต้องรับผิดชดใช้เงินค่าอาคารแก่จำเลย ขอให้ยกฟ้อง และบังคับโจทก์ชำระค่าอาคารพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องแย้งจนกว่าจะชำระเสร็จ และให้โจทก์ชำระค่าเสียหายเท่ากับอัตราค่าเช่าและค่าเสียหายอันเกิดจากการก่อสร้างและพัฒนาพื้นที่เช่าพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องแย้งจนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า ฟ้องแย้งของจำเลยไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม จำเลยอนุญาตให้โจทก์ใช้อาคารโดยไม่เรียกค่าใช้ประโยชน์ จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายดังกล่าว และไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายเท่ากับอัตราค่าเช่าที่ชำระแล้วกับค่าเสียหายอันเกิดจากการก่อสร้างและพัฒนาพื้นที่เช่า ขอให้ยกฟ้องแย้ง
วันนัดชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ฟ้องแย้งของจำเลยเป็นเรื่องอื่น ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ให้เพิกถอนคำสั่งที่ให้รับฟ้องแย้ง และมีคำสั่งใหม่ว่าไม่รับฟ้องแย้ง คืนค่าขึ้นศาลทั้งหมดแก่จำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาตามฎีกาของจำเลยว่า ฟ้องแย้งของจำเลยเกี่ยวกับฟ้องเดิมหรือไม่ ที่จำเลยฎีกาว่า ฟ้องแย้งของจำเลยในส่วนที่ขอให้โจทก์ชำระค่าอาคารมิใช่ค่าเสียหายที่เป็นผลมาจากการที่จำเลยถูกบอกเลิกสัญญาสัมปทานดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย แต่เป็นการที่โจทก์กลับรับเอาอาคารที่จำเลยต้องรื้อถอนออกจากพื้นที่เช่าไปใช้ประโยชน์ จำเลยจึงมีสิทธิได้รับชดใช้ค่าอาคาร ค่าเสียหายส่วนนี้เกี่ยวกับทรัพย์สินที่พิพาทกันในฟ้องเดิม และเป็นเรื่องที่จำเลยอาศัยสิทธิในผลแห่งการเลิกสัญญาเช่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 นั้น เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารพร้อมทั้งรื้อถอนอาคารสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่เช่า กับให้จำเลยชำระค่าใช้ประโยชน์พื้นที่เช่า ค่าเช่าค้างชำระและค่าเสียหาย โดยอาศัยมูลเหตุตามสัญญาเช่าที่สิ้นสุดลง การที่จำเลยฟ้องแย้งขอให้โจทก์ชำระค่าอาคารโดยมูลเหตุที่จำเลยยอมมอบอาคารของจำเลยในพื้นที่เช่าให้โจทก์ใช้ประโยชน์ แม้อาคารดังกล่าวจะเป็นทรัพย์ที่เกี่ยวพันอยู่ในฟ้องเดิม และจำเลยฟ้องแย้งโดยไม่ได้อาศัยเหตุจากการถูกบอกเลิกสัญญาสัมปทานก็ตาม แต่ก็เห็นได้ว่ามูลเหตุให้ใช้สิทธิเรียกร้องเพื่อให้รับผิดตามฟ้องและฟ้องแย้งนั้น โจทก์และจำเลยต่างอาศัยมูลเหตุแห่งสิทธิแตกต่างกัน ฟ้องแย้งของจำเลยจึงไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมพอที่จะรวมการพิจารณาชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม และมาตรา 179 วรรคท้าย ที่ศาลล่างทั้งสองไม่รับฟ้องแย้งของจำเลยชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น ส่วนฎีกาของจำเลยเกี่ยวกับฟ้องแย้งในส่วนที่ขอให้โจทก์ชำระค่าเสียหายเท่ากับอัตราค่าเช่าและค่าเสียหายอันเกิดจากการก่อสร้างและพัฒนาพื้นที่เช่านั้น ศาลฎีกาโดยความเห็นชอบของรองประธานศาลฎีกาซึ่งประธานศาลฎีกามอบหมาย เห็นว่า ฎีกาของจำเลยในส่วนนี้แม้จะเป็นสาระแก่คดี แต่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยไว้แล้วว่า ฟ้องแย้งของจำเลยเป็นการเรียกให้โจทก์ชำระค่าเสียหายโดยผลจากการที่จำเลยถูกบอกเลิกสัญญาสัมปทานอันเป็นเหตุทำให้สัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับจำเลยสิ้นสุดลงและจำเลยได้รับความเสียหายจึงเป็นฟ้องแย้งที่อาศัยสิทธิแตกต่างไปจากสิทธิของโจทก์ ไม่เกี่ยวข้องกัน และเป็นคนละเรื่องกับฟ้องเดิมของโจทก์ ซึ่งเป็นคำวินิจฉัยโดยละเอียดประกอบด้วยเหตุผลชัดแจ้งแล้ว ข้ออ้างตามฎีกาของจำเลยไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงผลแห่งคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ได้ ฎีกาของจำเลย จึงเป็นฎีกาในข้อที่เป็นสาระแก่คดีไม่ควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง”
พิพากษายืน

Share