คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 699/2548

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

แม้สัญญาจะซื้อจะขายจะไม่มีข้อตกลงว่าจำเลยจะสร้างบ้านให้แล้วเสร็จเมื่อใดก็ตาม แต่เมื่อสัญญาจะซื้อจะขายดังกล่าวเป็นสัญญาต่างตอบแทน และโจทก์ได้ชำระเงินค่างวดให้แก่จำเลยแล้ว จำเลยย่อมมีหน้าที่ปลูกสร้างบ้านและส่งมอบให้โจทก์ตามสัญญา ทั้งไม่ใช่ว่าจำเลยจะสร้างบ้านให้เสร็จเมื่อใดก็ได้แล้วแต่ความพอใจของจำเลย คดีนี้โจทก์ชำระเงินเฉพาะค่างวดให้จำเลยไปแล้ว 630,000 บาท โดยงวดหลังสุดชำระเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2539 แต่นับจากวันทำสัญญาคือวันที่ 15 มิถุนายน 2539 เป็นต้นมา กระทั่งโจทก์บอกเลิกสัญญา และจนถึงปัจจุบันจำเลยก็ยังไม่ได้ลงมือก่อสร้างบ้านให้โจทก์ โดยจำเลยไม่ได้ชี้แจงหรือโต้แย้งใดๆ พฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวถือว่าจำเลยผิดสัญญาและจำเลยไม่มีเจตนาชำระหนี้ให้โจทก์ จึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องให้โจทก์บอกกล่าวกำหนดเวลาให้จำเลยดำเนินการอีก ดังนั้น โจทก์จึงมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้โดยชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าของโครงการบ้านสรานนท์ เมื่อประมาณเดือนมีนาคม 2538 โจทก์ได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพร้อมบ้านทาวน์เฮาส์ สามชั้นครึ่ง 1 หลัง ในโครงการดังกล่าวจากจำเลย โดยชำระราคาให้จำเลยแล้วเป็นเงินจำนวน 454,350 บาท ต่อมาจำเลยขอเปลี่ยนบ้านที่จะขายให้ ซึ่งโจทก์ตกลง โดยชำระราคาเพิ่มอีกรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 636,350 บาท แต่ปรากฏว่า นับแต่วันทำสัญญาจนถึงวันฟ้อง จำเลยมิได้เริ่มดำเนินการปลูกสร้างบ้านตามสัญญาแต่อย่างใด โจทก์ติดตามทวงถามให้จำเลยดำเนินการหลายครั้ง แต่จำเลยเพิกเฉย โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาและให้จำเลยคืนเงิน ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 859,053.99 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยมิได้ผิดสัญญา จึงไม่ต้องคืนเงิน โจทก์ไม่เคยมีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยดำเนินการปลูกสร้างบ้านให้แล้วเสร็จและทำการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่โจทก์ อันเป็นการบอกกล่าวแจ้งกำหนดระยะเวลาให้จำเลยชำระหนี้ในเวลาอันสมควร โจทก์ยังไม่ได้ถูกโต้แย้งสิทธิจึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 777,243 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่า จำเลยผิดสัญญาและโจทก์ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาชอบหรือไม่ เห็นว่า แม้สัญญาจะซื้อจะขายเอกสารหมาย จ.9 จะไม่มีข้อตกลงว่าจำเลยจะสร้างบ้านให้แล้วเสร็จเมื่อใดก็ตาม แต่เมื่อสัญญาจะซื้อจะขายดังกล่าวเป็นสัญญาต่างตอบแทน และโจทก์ได้ชำระเงินค่างวดให้แก่จำเลยแล้วจำเลยย่อมมีหน้าที่ปลูกสร้างบ้านและส่งมอบให้โจทก์ตามสัญญา ทั้งไม่ใช่ว่าจำเลยจะสร้างบ้านให้เสร็จเมื่อใดก็ได้แล้วแต่ความพอใจของจำเลยด้วย คดีนี้โจทก์ชำระเงินเฉพาะค่างวดให้จำเลยไปแล้ว 630,000 บาท โดยงวดหลังสุดชำระเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2539 ปรากฏตามใบเสร็จรับเงินเอกสารหมาย จ.13 แผ่นที่ 5 แต่นับจากวันทำสัญญาคือวันที่ 15 มิถุนายน 2539 เป็นต้นมา จนกระทั่งโจทก์บอกเลิกสัญญา ปรากฏตามหนังสือขอบอกเลิกสัญญาและให้คืนเงิน ฉบับลงวันที่ 11 มิถุนายน 2542 เอกสารหมาย จ. 15 และจนถึงปัจจุบันจำเลยก็ยังไม่ได้ลงมือก่อสร้างบ้านให้โจทก์ โดยจำเลยไม่ได้ชี้แจงหรือโต้แย้งใดๆ พฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าว ถือว่าจำเลยผิดสัญญา และจำเลยไม่มีเจตนาชำระหนี้ให้โจทก์ จึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องให้โจทก์บอกกล่าวกำหนดเวลาให้จำเลยดำเนินการอีก ดังนั้น โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาตามหนังสือขอบอกเลิกสัญญาและให้ คืนเงินเอกสารหมาย จ.15 ได้โดยชอบ…ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share