แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
แม้จำเลยจะไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้เสียหายและผู้ตายมาก่อนก็ตาม แต่ได้ความว่าจำเลยกับผู้เสียหายเคยเป็นสามีภริยากัน ก่อนเกิดเหตุประมาณ 5 เดือน จำเลยและผู้เสียหายได้หย่าร้างกัน ผู้เสียหายได้แต่งงานอยู่กินกับผู้ตาย ภายหลังหย่าร้างจำเลยเคยไปขอคืนดีกับผู้เสียหาย แต่ผู้เสียหายไม่ยินยอมพฤติการณ์ที่จำเลยพกพาอาวุธมีดไปนั่งรอที่บริเวณที่เกิดเหตุก่อนเกิดเหตุเป็นเวลานาน จำเลยมีโอกาสคิดทบทวนล่วงหน้าก่อนจะกระทำความผิด แล้วจำเลยบุกรุกตรงเข้าไปใช้มีดฟันและแทงผู้ตายและผู้เสียหายในทันที โดยมิได้พูดคุยเกี่ยวกับการที่ผู้เสียหายนำไม้ของจำเลยไปสร้างบ้านหรือเรื่องที่ผู้เสียหายให้บุตรออกจากโรงเรียนทั้งหมด ตลอดถึงเรื่องที่จำเลยยอมหย่ากับผู้เสียหายแล้วผู้เสียหายยอมให้จำเลยอยู่ด้วยกันตามปกติ แสดงให้เห็นว่าจำเลยได้วางแผนและตระเตรียมการที่จะฆ่าผู้ตายและผู้เสียหายมาก่อนแล้ว จำเลยจึงมีเจตนาฆ่าผู้ตายและพยายามฆ่าผู้เสียหายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้อาวุธมีดปลายแหลมยาวประมาณ 50 เซนติเมตร แทงนายพงษ์เพชร แสงสว่าง ผู้ตายกับนางทองศรี นามวิชัย ผู้เสียหายหลายครั้งโดยมีเจตนาฆ่าและไตร่ตรองไว้ก่อน เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย ส่วนผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส เหตุเกิดที่ตำบลป่าหวาย อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี วันที่ 31 มีนาคม 2545 เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยได้ ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4), 80
จำเลยให้การรับว่าฆ่าผู้ตายและทำร้ายผู้เสียหายจนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสจริง แต่ปฏิเสธว่ามิได้กระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4) กับ 289 (4) ประกอบด้วยมาตรา 80 เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 289 (4) ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้ประหารชีวิต คำรับชั้นพิจารณาของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 52 (2)
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 และมาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 288 ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้จำคุกตลอดชีวิต เมื่อลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบด้วยมาตรา 53 แล้ว คงจำคุกจำเลย 25 ปี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติโดยไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาโต้แย้งว่า เดิมนางทองศรี นามวิชัย ผู้เสียหายเป็นภริยาตามกฎหมายของจำเลยและเพิ่งหย่าขาดจากกันก่อนเกิดเหตุประมาณ 5 เดือน ต่อมาผู้เสียหายแต่งงานอยู่กินกับนายพงษ์เพชร แสงสว่าง ผู้ตาย พักอาศัยอยู่ที่บ้านไม่มีเลขที่หมู่ที่ 1 ตำบลป่าหวาย อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้องจำเลยใช้มีดปลายแหลมเป็นอาวุธแทงผู้ตายและผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่า ในขณะที่ผู้ตายและผู้เสียหายนอนหลับอยู่ในบ้านดังกล่าว จนผู้ตายถึงแก่ความตาย และผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยกระทำความผิดดังกล่าวโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่ เห็นว่าตามบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยซึ่งจำเลยมิได้โต้แย้งเป็นอย่างอื่นได้ความว่า เรื่องที่จำเลยจะไปพูดคุยกับผู้เสียหายนั้นมิใช่มีแต่เรื่องที่ผู้เสียหายนำเสาไม้ไปปลูกบ้านอยู่กับผู้ตายแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องผู้เสียหายให้บุตรที่เกิดระหว่างจำเลยกับผู้เสียหายออกจากโรงเรียนทั้งหมด และเรื่องที่จำเลยยอมหย่ากับผู้เสียหายแล้วผู้เสียหายยอมให้จำเลยอยู่ด้วยกันตามปกติ แต่ผู้เสียหายกลับไปมีสามีใหม่ ซึ่งก่อนเกิดเหตุจำเลยได้หาซื้อมีดจากร้านแผงลอยในตลาดสดอำเภอสวนผึ้งไปด้วย และได้ความจากคำเบิกความของร้อยตำรวจเอกมานิตย์ พยานโจทก์ว่า การตรวจบริเวณป่าละเมาะหลังบ้านผู้เสียหายพบเศษยากันยุงกับเศษก้นบุหรี่ กับได้ความจากคำเบิกความของพันตำรวจโทอิทธิพล ฤทธิ์เจริญ พนักงานสอบสวนพยานโจทก์ว่า ชั้นสอบสวนจำเลยให้การว่า เมื่อถึงบ้านผู้เสียหายจำเลยไปนั่งรออยู่บริเวณริมคลองห่างจากบ้านประมาณ 20 เมตร และได้จุดยากันยุงกับสูบบุหรี่ใบจาก ขณะเกิดเหตุเป็นเวลา 1.30 นาฬิกา หากจำเลยประสงค์จะไปเจรจากับผู้เสียหาย เมื่อถึงบ้านผู้เสียหาย จำเลยก็ควรจะเข้าไปพูดคุยทันทีหรือรอถึงวันรุ่งขึ้น แต่จำเลยกลับรอให้ผู้ตายกับผู้เสียหายนอนหลับก่อนจึงลักลอบเข้าไป และใช้อาวุธมีดที่มีติดตัวไปแทงผู้ตายทันที แม้จำเลยจะไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้เสียหายและผู้ตายมาก่อนก็ตาม แต่ได้ความว่าจำเลยกับผู้เสียหายเคยเป็นสามีภริยากัน ก่อนเกิดเหตุจำเลยและผู้เสียหายได้หย่าร้างกัน ภายหลังหย่าร้างจำเลยเคยไปขอคืนดีกับผู้เสียหาย แต่ผู้เสียหายไม่ยินยอม พฤติการณ์ที่จำเลยพกพาอาวุธมีดไปนั่งรอที่บริเวณที่เกิดเหตุก่อนเกิดเหตุเป็นเวลานาน จำเลยมีโอกาสคิดทบทวนล่วงหน้าก่อนจะกระทำความผิด แล้วจำเลยบุกรุกตรงเข้าไปใช้มีดฟันและแทงผู้ตายและผู้เสียหายในทันที โดยมิได้พูดคุยเกี่ยวกับการที่ผู้เสียหายนำไม้ของจำเลยไปสร้างบ้านหรือเรื่องที่ผู้เสียหายให้บุตรออกจากโรงเรียนทั้งหมดตลอดถึงเรื่องที่จำเลยยอมหย่ากับผู้เสียหาย แล้วผู้เสียหายยอมให้จำเลยอยู่ด้วยกันตามปกติ แสดงให้เห็นว่า จำเลยได้วางแผนและตระเตรียมการที่จะฆ่าผู้ตายและผู้เสียหายมาก่อนแล้ว พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมามีน้ำหนักรับฟังได้โดยปราศจากสงสัยว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายและพยายามฆ่าผู้เสียหายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษามานั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น