คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 77/2549

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

จำเลยขับรถจักรยานยนต์แข่งกันไปตามถนนโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงานจราจรและขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของบุคคลอื่นกับการที่จำเลยขับรถในขณะเมาสุราเป็นการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกันโดยจำเลยมีเจตนาเดียวคือขับรถจักรยานยนต์แข่งขันกันตามถนน การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องต่างกรรมกัน และความผิดฐานขับรถในขณะเมาสุราเกิดขึ้นเป็นความผิดทันทีก็ตาม ก็ไม่ทำให้การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2547 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยขับรถจักรยานยนต์ หมายเลขทะเบียน ขรพ สข 539 แข่งกับพวกไปตามถนนกาญจนวานิช ซึ่งเป็นทางตามกฎหมายจราจรทางบกทำให้ประชาชนผู้ขับรถสัญจรไปมาในบริเวณดังกล่าว และผู้ที่มีถิ่นที่อยู่อาศัยใกล้เคียงกับเส้นทางที่จำเลยกับพวกขับรถแข่งกัน ได้รับความเดือดร้อนและรำคาญเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นจำเลยยังขับรถด้วยความเร็วสูง ด้วยความคึกคะนอง แซงซ้ายแซงขวาไปมา ปาดหน้ารถคันอื่นในระยะกระชั้นชิดโดยไม่ให้สัญญาณใดๆ โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น และจำเลยไม่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงานให้แข่งรถในทางได้ จำเลยขับรถดังกล่าวไปตามถนนกาญจนวานิช ในขณะจำเลยเมาสุราและโดยไม่มีกระจกมองหลังติดอยู่ อันเป็นการใช้รถที่มีอุปกรณ์ส่วนควบไม่ครบถ้วน พร้อมทั้งรถคันดังกล่าวได้ดัดแปลงสภาพโดยโหลดรถให้ต่ำลง ผิดไปจากรายการจดทะเบียนอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมยึดรถจักรยานยนต์ที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิดเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 134, 43, 160, 160 ทวิ พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 มาตรา 12, 14, 60 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 46, 83, 91 ให้ใช้วิธีการเพื่อความปลอดภัยโดยเรียกประกันทัณฑ์บนแก่จำเลยและริบรถจักรยานยนต์ของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 (2) (8), 160 วรรคสาม, 134 วรรคหนึ่ง, 160 ทวิ พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 มาตรา 12, 14, 60 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานแข่งรถในทางกับฐานขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือเดือดร้อนของผู้อื่น เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทซึ่งมีอัตราโทษเท่ากัน ให้ลงโทษฐานแข่งรถในทางโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 1 เดือน ฐานขับรถในขณะเมาสุรา จำคุก 1 เดือน และปรับ 10,000 บาท ฐานใช้รถที่มีอุปกรณ์ไม่ถูกต้อง ปรับ 2,000 บาท ฐานดัดแปลงสภาพรถให้ผิดไปจากที่จดทะเบียน ปรับ 2,000 บาท รวมจำคุก 2 เดือน และปรับ 14,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 7,000 บาท พิเคราะห์รายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยแล้วไม่มีเหตุรอการลงโทษ แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน เห็นควรเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขัง 1 เดือนแทน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 23 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบรถจักรยานยนต์ของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาแก้เป็นว่า สำหรับความผิดฐานแข่งรถในทางโดยไม่ได้รับอนุญาต ฐานขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือเดือดร้อนของผู้อื่นและฐานขับรถในขณะเมาสุรา เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 แต่มีอัตราโทษเท่ากัน จึงให้ลงโทษฐานแข่งรถในทางโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 1 เดือน และปรับ 10,000 บาท เมื่อรวมกับฐานใช้รถที่มีอุปกรณ์ไม่ถูกต้องกับฐานดัดแปลงสภาพรถให้ผิดไปจากที่จดทะเบียนแล้ว จำคุก 1 เดือน และปรับ 14,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 15 วัน และปรับ 7,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 2 เดือน ต่อครั้งภายในเวลา 1 ปี และให้จำเลยทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่จำเลยและพนักงานคุมประพฤติจะเห็นสมควรเป็นเวลา 24 ชั่วโมง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ให้ยกคำขอให้ใช้วิธีการเพื่อความปลอดภัยแก่จำเลย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์บรรยายฟ้องความผิดฐานแข่งรถในทางโดยไม่ได้รับอนุญาตและขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของบุคคลอื่น กับความผิดฐานขับรถในขณะเมาสุราต่างกรรมกัน และความผิดฐานขับรถขณะเมาสุราเพียงแต่จำเลยเมาสุราแล้วขับรถในทางจราจรก็มีความผิดทันทีโดยไม่ต้องมีบุคคลอื่นร่วมกระทำผิดด้วย ส่วนความผิดฐานแข่งรถในทางโดยไม่ได้รับอนุญาตต้องมีผู้กระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไปและรถที่ใช้ขับแข่งกันตั้งแต่ 2 คันขึ้นไป ความผิดฐานแข่งรถในทางโดยไม่ได้รับอนุญาตและขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของบุคคลอื่นกับความผิดฐานขับรถในขณะเมาสุราจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันนั้น เห็นว่า การที่จำเลยขับรถจักรยานยนต์แข่งกันไปตามถนนโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงานจราจรและขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของบุคคลอื่นกับการที่จำเลยขับรถในขณะเมาสุรา เป็นการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกันโดยจำเลยมีเจตนาเดียวคือขับรถจักรยานยนต์แข่งขันกันตามถนน การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องต่างกรรมกัน และความผิดฐานขับรถในขณะเมาสุราเกิดขึ้นเป็นความผิดทันทีก็ตาม ก็ไม่ทำให้การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันดังที่โจทก์ฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share