คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4311/2550

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีฟ้องขับไล่จำเลยในฐานะผู้เช่าออกจากที่ดินอันมีค่าเช่าในขณะยื่นคำฟ้องเพียงปีละ 100 บาท ไม่มีการต่อสู้กรรมสิทธิ์ อุทธรณ์และฎีกาของจำเลยเป็นการโต้แย้งดุลพินิจของศาลชั้นต้นถึงพฤติการณ์แห่งคดีว่ามีเหตุให้งดการบังคับคดีไว้ได้หรือไม่เพียงใด จึงเป็นอุทธรณ์และฎีกาในข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224 วรรคสอง การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยให้เป็นการไม่ชอบ ถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ ฎีกาของจำเลยจึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง จำเลยจึงไม่มีสิทธิฎีกา

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและให้รื้อถอนบ้านเลขที่ 21 หมู่ที่ 6 ตำบลลุมพี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมทั้งขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 6167 ตำบลลุมพี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นของโจทก์ทั้งห้า คดีถึงที่สุด จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์ทั้งห้ายื่นคำร้องขอบังคับคดี ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี
จำเลยยื่นคำร้องขอให้งดการบังคับคดีโดยให้รอผลคดีหมายเลขดำที่ 133/2546 ของศาลปกครองกลาง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน โจทก์ทั้งห้าไม่ยื่นคำแก้อุทธรณ์ จึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินซึ่งโจทก์ได้ให้จำเลยเช่าโดยตกลงเช่ากันปีละ 100 บาท และโจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าแล้ว จำเลยให้การต่อสู้ว่ามิได้ทำสัญญาเช่ากับโจทก์ ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินของวัดนก (ร้าง) ซึ่งเป็นศาสนสมบัติของกรมการศาสนา มิใช่ของโจทก์ ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเชื่อว่า จำเลยทำสัญญาเช่าที่ดินพิพาทจากโจทก์จริงและได้ลงลายมือชื่อให้ไว้ในสัญญาเช่า จึงพิพากษาขับไล่จำเลย คำพิพากษาดังกล่าวถึงที่สุดแล้ว ดังนั้นคดีนี้จึงเป็นคดีฟ้องขับไล่จำเลยในฐานะผู้เช่าออกจากที่ดินของโจทก์อันมีค่าเช่าในขณะยื่นคำฟ้องเพียงปีละ 100 บาท ไม่มีการต่อสู้เรื่องกรรมสิทธิ์ อุทธรณ์และฎีกาของจำเลยเป็นการโต้แย้งดุลพินิจของศาลชั้นต้นถึงพฤติการณ์แห่งคดีว่า มีเหตุให้งดการบังคับคดีไว้ได้หรือไม่ เพียงใด จึงเป็นอุทธรณ์และฎีกาในข้อเท็จจริง ซึ่งในชั้นอุทธรณ์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคสอง จำเลยไม่มีสิทธิอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยให้เป็นการไม่ชอบ ถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ ฎีกาของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง จำเลยจึงไม่มีสิทธิฎีกา แม้ศาลชั้นต้นจะได้สั่งรับฎีกาของจำเลยก็เป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ยกอุทธรณ์และฎีกาของจำเลย คืนค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาให้แก่จำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกา นอกจากนี้ให้เป็นพับ.

Share