แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เหตุตามคำร้องของผู้คัดค้านที่ขอให้ศาลสั่งถอดถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกของ น. คือ กรณีผู้ร้องได้ขายที่ดินทรัพย์มรดกของ น. และเก็บเงินไว้แต่เพียงผู้เดียวทำให้ ม. และผู้คัดค้านได้รับความเสียหาย ซึ่งเป็นเหตุที่มีอยู่ก่อนที่ผู้คัดค้านจะสืบสิทธิของ ม. ที่จะรับมรดกของ น. ทั้งยังเป็นเหตุเดียวกันกับที่ ม. เคยยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ถอดถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกของ น. ด้วย ซึ่งในคดีนั้นเมื่อ ม. ถึงแก่ความตาย ผู้คัดค้านได้ขอเข้ารับมรดกความแทนที่ ม. แต่ศาลชั้นต้นเห็นว่าคำร้องดังกล่าวเป็นการเฉพาะตัวของ ม. ผู้คัดค้านไม่สามารถเข้าเป็นคู่ความแทนที่ได้ จึงไม่อนุญาตให้ผู้คัดค้านเข้าเป็นคู่ความแทนที่ ม. ซึ่งคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าววินิจฉัยว่าการขอถอดถอนผู้จัดการมรดกเป็นเรื่องเฉพาะตัวของ ม. ไม่ตกทอดไปยังทายาทของ ม. ดังนั้นเมื่อผู้คัดค้านอ้างเหตุเดียวกันซึ่งเกิดขึ้นมาตั้งแต่ผู้คัดค้านยังไม่ได้สืบสิทธิของ ม. ในการรับมรดกของ น. และเหตุตามคำร้องขอดังกล่าวก็มิได้เป็นเรื่องที่โต้แย้งสิทธิของผู้คัดค้านมาเพื่อให้ศาลพิจารณาว่าเป็นเหตุให้ถอดถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกของ น. หรือไม่ ซ้ำอีก ซึ่งศาลต้องวินิจฉัยก่อนว่า เหตุตามคำร้องขอเป็นสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดต่าง ๆ ของ ม. ที่จะตกทอดไปยังผู้คัดค้านซึ่งเป็นทายาทของ ม. ให้มีอำนาจยกขึ้นอ้างเพื่อถอดถอนผู้จัดการมรดกได้หรือไม่ อันเป็นการวินิจฉัยในข้อที่ศาลได้เคยวินิจฉัยไว้แล้วในคดีที่ ม. ยื่นคำร้องขอให้ศาลถอดถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกของ น. นั่นเอง ดังนั้นที่ผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอในคดีนี้ จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ อันเป็นการต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 144
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนางสาวนิรมลผู้ตาย กับให้มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย ต่อมาผู้คัดค้านยื่นคำร้องว่าผู้คัดค้านและนางสาวนิรมลเป็นบุตรของนายมนตรีและผู้ร้อง โดยนายมนตรีและผู้ร้องมิได้จดทะเบียนสมรสกัน ต่อมานายมนตรีจดทะเบียนรับรองผู้คัดค้านและนางสาวนิรมลเป็นบุตร นายมนตรีจึงเป็นทายาทโดยธรรมและมีสิทธิได้รับมรดกของนางสาวนิรมล แต่ในการยื่นคำร้องที่ผู้ร้องขอจัดการมรดกของนางสาวนิรมลนั้น ผู้ร้องไม่เคยแจ้งให้นายมนตรีทราบ และมิได้แจ้งในบัญชีเครือญาติว่านายมนตรีมีสิทธิได้รับมรดกในฐานะทายาทโดยธรรมของนางสาวนิรมล อันเป็นการแสดงเจตนาปกปิดมิให้นายมนตรีได้รับมรดกของนางสาวนิรมล ภายหลังศาลมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนางสาวนิรมลแล้ว ผู้ร้องได้ขายที่ดินทรัพย์มรดกของนางสาวนิรมล แต่ไม่ได้นำเงินที่ขายได้มาแบ่งให้นายมนตรี ส่วนที่ดินทรัพย์มรดกอีก 1 แปลง ซึ่งนายมนตรีเก็บรักษาโฉนดที่ดินไว้ผู้ร้องได้พยายามที่จะจำหน่ายโดยไม่แจ้งให้นายมนตรีทราบและได้ยื่นคำขอออกใบแทนโฉนดที่ดิน การกระทำเหล่านี้ทำให้นายมนตรีได้รับความเสียหาย นายมนตรีจึงได้ฟ้องผู้ร้องเพื่อขอให้ศาลถอดถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกของนางสาวนิรมลและให้แบ่งเงินที่ขายทรัพย์มรดกได้ให้แก่นายมนตรี และต่อมานายมนตรีได้ยื่นคำร้องขอให้ถอดถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกของนางสาวนิรมลเป็นอีกคดีหนึ่งด้วย ครั้นวันที่ 22 กันยายน 2543 นายมนตรีถึงแก่ความตาย ศาลจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีนี้ออกจากสารบบความ ซึ่งก่อนที่นายมนตรีจะถึงแก่ความตาย นายมนตรีได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกในส่วนที่นายมนตรีมีสิทธิได้รับมรดกของนางสาวนิรมลให้แก่ผู้คัดค้าน ผู้คัดค้านจึงมีสิทธิได้รับมรดกแทนที่นายมนตรี การที่ผู้ร้องขายที่ดินทรัพย์มรดกและเก็บเงินไว้แต่เพียงผู้เดียวทำให้นายมนตรีและผู้คัดค้านได้รับความเสียหาย และเงินจากการขายที่ดินทรัพย์มรดกไป 1 แปลง ดังกล่าว ผู้ร้องก็ใช้เงินไปคงจะหมดแล้ว จึงขอให้ศาลมีคำสั่งถอดถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย และมีคำสั่งตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายหรือมีคำสั่งตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายร่วมกับผู้ร้อง
ผู้ร้องยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ในวันนัดไต่สวนคำร้องของผู้คัดค้าน ผู้คัดค้านแถลงว่าผู้คัดค้านเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกับนางสาวนิรมลผู้ตาย ขณะที่ผู้ตายถึงแก่ความตาย ผู้ตายมีนายมนตรีเป็นบิดาและมีผู้ร้องเป็นมารดา ศาลชั้นต้นพิเคราะห์คำร้องของผู้คัดค้านและคำคัดค้านของผู้ร้องประกอบกับคำแถลงของผู้คัดค้านดังกล่าว เห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้จึงให้งดไต่สวนและวินิจฉัยว่าผู้ร้องเป็นทายาทลำดับก่อนผู้คัดค้าน จึงตัดสิทธิผู้คัดค้านในทรัพย์มรดกของนางสาวนิรมล ผู้คัดค้านมิใช่ทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของผู้ตาย จึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้าน ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้คัดค้านเพียงว่า ผู้คัดค้านมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ถอดถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกของนางสาวนิรมลหรือไม่ ผู้คัดค้านฎีกาว่า ผู้คัดค้านเป็นผู้สืบสิทธิในการรับมรดกแทนที่นายมนตรีและเป็นผู้รับทรัพย์มรดกตามพินัยกรรมของนายมนตรีในส่วนที่นายมนตรีจะได้รับจากนางสาวนิรมล จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของนางสาวนิรมล มีสิทธิยื่นคำร้องขอถอดถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกได้นั้น เห็นว่า เหตุตามคำร้องของผู้คัดค้านที่ขอให้ศาลสั่งถอดถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกของนางสาวนิรมล คือกรณีผู้ร้องได้ขายที่ดินทรัพย์มรดกของนางสาวนิรมลและเก็บเงินไว้แต่เพียงผู้เดียวทำให้นายมนตรีและผู้คัดค้านได้รับความเสียหาย ซึ่งเป็นเหตุที่มีอยู่ก่อนที่ผู้คัดค้านจะสืบสิทธิของนายมนตรีที่จะรับมรดกของนางสาวนิรมล ทั้งยังเป็นเหตุเดียวกันกับที่นายมนตรีเคยยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ถอดถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกของนางสาวนิรมลด้วย ซึ่งในคดีนั้นเมื่อนายมนตรีถึงแก่ความตาย ผู้คัดค้านได้ขอเข้ารับมรดกความแทนที่นายมนตรี แต่ศาลชั้นต้นเห็นว่าคำร้องดังกล่าวเป็นการเฉพาะตัวของนายมนตรี ผู้คัดค้านไม่สามารถเข้าเป็นคู่ความแทนที่ได้ จึงไม่อนุญาตให้ผู้คัดค้านเข้าเป็นคู่ความแทนที่นายมนตรี ซึ่งคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าววินิจฉัยว่าการขอถอดถอนผู้จัดการมรดกเป็นเรื่องเฉพาะตัวของนายมนตรีไม่ตกถอดไปยังทายาทของนายมนตรี ดังนั้นเมื่อผู้คัดค้านอ้างเหตุเดียวกันซึ่งเกิดขึ้นมาตั้งแต่ผู้คัดค้านยังไม่ได้สืบสิทธิของนายมนตรีในการรับมรดกของนางสาวนิรมล และเหตุตามคำร้องขอดังกล่าวก็มิได้เป็นเรื่องที่โต้แย้งสิทธิของผู้คัดค้านมาเพื่อให้ศาลพิจารณาว่าเป็นเหตุให้ถอดถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกของนางสาวนิรมลหรือไม่ ซ้ำอีก ซึ่งศาลก็ต้องวินิจฉัยก่อนว่า เหตุตามคำร้องขอเป็นสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดต่าง ๆ ของนายมนตรีที่จะตกทอดไปยังผู้คัดค้านซึ่งเป็นทายาทของนายมนตรีให้มีอำนาจยกขึ้นอ้างเพื่อถอดถอนผู้จัดการมรดกได้หรือไม่ อันเป็นการวินิจฉัยในข้อที่ศาลได้เคยวินิจฉัยไว้แล้วในคดีที่นายมนตรียื่นคำร้องคัดค้านขอให้ศาลถอดถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกของนางสาวนิรมลนั่นเอง ดังนั้นที่ผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอในคดีนี้ จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ อันเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 ผู้คัดค้านจึงไม่อาจยกเหตุตามคำร้องเพื่อขอให้ศาลถอดถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกของนางสาวนิรมลได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.