คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8694/2549

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดทรัพย์โดยกำหนดเงื่อนไขการเข้าสู้ราคาและข้อสัญญาว่า ผู้ซื้อทรัพย์ได้ต้องชำระเงินส่วนที่เหลือภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันซื้อเป็นต้นไปนั้น ระยะเวลา 15 วัน ที่กำหนดให้ผู้ซื้อทรัพย์นำเงินส่วนที่เหลือมาชำระตามข้อสัญญาดังกล่าวเป็นระยะเวลาที่กำหนดไว้เพื่อการชำระหนี้ มิใช่อายุความตามที่กฎหมายกำหนดซึ่งคู่กรณีจะตกลงกันให้งดใช้หรือขยายออกหรือย่นเข้าไม่ได้ตามบทบัญญัติแห่ง ป.พ.พ. มาตรา 193/11 การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีและผู้ซื้อทรัพย์ตกลงกันขยายระยะเวลาวางเงินส่วนที่เหลือออกไปอีกจึงหาเป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่ง ป.พ.พ. มาตรา 510 และ 515 ไม่ จึงไม่มีเหตุตามกฎหมายที่ศาลจะมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งและการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดี กรณีเช่นว่านี้ ศาลชอบที่จะมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยโดยไม่จำต้องไต่สวน

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์ขอให้บังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำนองที่ดิน พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยออกขายทอดตลาด โดยนางถนอมศรีผู้ซื้อทรัพย์เป็นผู้ประมูลได้ในราคา 2,800,000 บาท ผู้ซื้อทรัพย์วางเงินมัดจำ 700,000 บาท ในวันทำสัญญา ส่วนที่เหลือจะต้องชำระภายใน 15 วัน ต่อมาเจ้าพนักงานบังคับคดีอนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางเงินส่วนที่เหลือออกไป
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ไต่สวนคำร้องและมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดีที่ขยายระยะเวลาชำระเงินส่วนที่เหลือให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์ เพิกถอนการขายทอดตลาด ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีริบมัดจำของผู้ซื้อทรัพย์และขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดใหม่
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีมีอำนาจอนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางเงินได้ ทั้งโจทก์ก็มิได้โต้แย้งคำสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดี อีกทั้งการขยายระยะเวลาเป็นเรื่องของเจ้าพนักงานบังคับคดีกับผู้ซื้อทรัพย์ จำเลยไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด กรณีไม่มีเหตุให้เพิกถอนการขายทอดตลาดให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า มีเหตุสมควรเพิกถอนคำสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดีที่ขยายระยะเวลาชำระเงินส่วนที่เหลือแก่ผู้ซื้อทรัพย์ เพิกถอนการขายทอดตลาดและให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดใหม่ตามคำร้องของจำเลยหรือไม่ ซึ่งตามคำร้องดังกล่าวจำเลยอ้างว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดโดยกำหนดเงื่อนไขการเข้าสู้ราคาและข้อสัญญาว่า ผู้ซื้อทรัพย์ได้ต้องชำระเงินส่วนที่เหลือภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันซื้อเป็นต้นไป ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 510 และ 515 กำหนดหน้าที่ของผู้ซื้อทรัพย์ไว้อย่างแจ้งชัดโดยไม่มีข้อยกเว้น เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงไม่มีอำนาจขยายระยะเวลาวางเงินให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์ การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลาดังกล่าวจึงเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายนั้น เห็นว่าระยะเวลา 15 วัน ที่กำหนดให้ผู้ซื้อทรัพย์นำเงินส่วนที่เหลือมาชำระตามข้อสัญญาดังกล่าว เป็นระยะเวลาที่กำหนดไว้เพื่อการชำระหนี้ มิใช่อายุความตามที่กฎหมายกำหนดซึ่งคู่กรณีจะตกลงกันให้งดใช้หรือขยายออกหรือย่นเข้าไม่ได้ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/11 การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีและผู้ซื้อทรัพย์ตกลงกันขยายระยะเวลาวางเงินส่วนที่เหลือออกไปอีกจึงหาเป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมายดังที่จำเลยอ้างมาในคำร้องไม่ จึงไม่มีเหตุตามกฎหมายที่ศาลจะมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งและการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีเสียได้ กรณีเช่นว่านี้ ศาลชอบที่จะมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยเสียโดยไม่จำต้องไต่สวน ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยและศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืนมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น เมื่อวินิจฉัยดังนี้แล้วฎีกาข้ออื่นของจำเลยจึงไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไป
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share