คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4889/2549

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาไม่ถูกต้อง เมื่อศาลฎีกามีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นเรียกค่าขึ้นศาลที่ยังขาดอยู่จากจำเลยให้ครบถ้วน และศาลชั้นต้นได้มีหมายแจ้งให้จำเลยชำระค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาที่ยังขาดอยู่แล้ว แต่จำเลยเพิกเฉยไม่ยอมชำระกรณีถือได้ว่าจำเลยเพิกเฉยไม่ยอมชำระ กรณีถือได้ว่าจำเลยเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลกำหนด เป็นการทิ้งฟ้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา 174 (2) ประกอบด้วยมาตรา 246 และมาตรา 247

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 1,042,857.79 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงินจำนวนดังกล่าวนับแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2529 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ โดยให้หักเงินที่นางกฤษณานำเข้าบัญชีเพื่อชำระหนี้จำนวน 8 ครั้ง นับแต่วันที่ 30 มิถุนายน 2529 ถึงวันที่ 24 เมษายน 2530 ออกจากยอดเงินที่นางกฤษณาต้องชำระโดยหักออกชดใช้เป็นค่าดอกเบี้ยแบบไม่ทบต้นก่อน ที่เหลือให้หักชำระหนี้ต้นเงินทุกครั้งที่มีการนำเงินเข้าบัญชี ส่วนดอกเบี้ยค้างชำระระหว่างวันที่ 25 เมษายน 2530 ถึงวันที่ 17 ธันวาคม 2530 ในอัตราเดียวกันนั้นเป็นดอกเบี้ยที่ขาดอายุความแล้ว คำนวณได้เท่าใดให้นำไปหักออกด้วย กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนเท่าทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี โดยกำหนดค่าทนายความในศาลชั้นต้นจำนวน 10,000 บาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกามีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นจัดการให้จำเลยเสียค่าขึ้นศาลในชั้นฎีกาตามทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาให้ครบถ้วนภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยชำระค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาภายใน 15 วัน นับแต่วันที่รับหมาย จำเลยได้รับหมายแจ้งคำสั่งของศาลชั้นต้นแล้วแต่มิได้นำเงินค่าขึ้นศาลชั้นฎีกามาชำระภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ศาลชั้นต้นจึงส่งสำนวนคืนมายังศาลฎีกาเพื่อพิจารณา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 1,042,857.79 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงินจำนวนดังกล่าวนับแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2529 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ โดยให้หักเงินที่นางกฤษณานำเข้าบัญชีเพื่อชำระหนี้จำนวน 8 ครั้ง นับแต่วันที่ 30 มิถุนายน 2529 ถึงวันที่ 24 เมษายน 2530 ออกจากยอดเงินที่นางกฤษณาต้องชำระโดยหักออกชดใช้เป็นค่าดอกเบี้ยแบบไม่ทบต้นก่อน ที่เหลือให้หักชำระต้นเงินทุกครั้งที่มีการนำเงินเข้าบัญชี ส่วนดอกเบี้ยค้างชำระระหว่างวันที่ 25 เมษายน 2530 ถึงวันที่ 17 ธันวาคม 2530 ในอัตราเดียวกันนั้นเป็นดอกเบี้ยที่ขาดอายุความแล้ว คำนวณได้เท่าใดให้นำไปหักออกด้วย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกาว่า จำเลยไม่ต้องชำระดอกเบี้ยทั้งหมดแก่โจทก์ จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์พิพาทในชั้นฎีกาตามจำนวนดอกเบี้ยที่จำเลยต้องชำระแก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ แต่จำเลยเสียค่าขึ้นศาลในชั้นฎีกามาเพียง 200 บาท อย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์เป็นการไม่ถูกต้อง เมื่อศาลฎีกามีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นเรียกค่าขึ้นศาลที่ยังขาดอยู่จากจำเลยให้ครบถ้วน และศาลชั้นต้นได้มีหมายแจ้งให้จำเลยชำระค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาที่ยังขาดอยู่แล้ว แต่จำเลยเพิกเฉยไม่ยอมชำระ กรณีถือได้ว่าจำเลยเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลกำหนด เป็นการทิ้งฟ้องฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 174 (2) ประกอบด้วยมาตรา 246 และมาตรา 247
ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความของศาลฎีกา ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share