คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 236/2463

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้กรรมการตรวจฎีกาจำเลย อุทธรณคำพิพากษาศาลอุทธรณกรุงเทพฯ

ย่อยาว

คดีนี้โจทย์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ.๒๔๖๑ เวลา ๑๑ นาฬิกาก่อนเที่ยง เรือยนต์ชื่อสิงทธิไชยเฉลิมของจำเลยได้แกล้งฤาเลิ่นเล่อแล่นโดนเรือยนต์ชื่อพลายบัวของโจทย์แตกหักเสียหายแลล่มจมลงที่ปากคลองนางสาว อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทสาคร ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทย์เปนเงิน ๒๓๒๔ บาท ๔๐ สตางค์ ฯ
จำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้ว่าเรือของจำเลยไม่ได้โดนเรือโจทย์ เรือของโจทย์ได้ล่มลงไปเองเพราะบรรทุกคนมากเกินอัตราทั้งนายท้ายเรือโจทย์ไม่มีความสามารถประกอบด้วยความเลิ่นเล่อเรือโจทย์จึงได้ล่มลง จำเลยไม่ต้องรับผิดชอบ ฯ
ศาลแพ่งแลศาลอุทธรณกรุงเทพ ฯ พิจารณาแล้ว ฟังข้อเท็จจริงตามคำพยานโจทย์ว่า ในวันเวลาเกิดเหตุเรือยนต์ชื่อพลายบัวของโจทย์ได้รับคนโดยสารแล่นล่องมาจากประตูน้ำอ่างทองเพื่อมาประตูน้ำภาษีเจริญ พอเรือพลายบัวแล่นมาถึงปากคลองนางสาวเรือสิทธิไชยเฉลิมของจำเลยซึ่งเปนเรือรับคนโดยสารเหมือนกันได้แล่นสวนทางมาต่างฝ่ายต่างแล่นถูกต้องตามวิธีเดิรเรือของตนเมื่อเรือทั้ง ๒ ฝ่ายแล่นเข้ามาใกล้ถึงกัน เรือของจำเลยได้หันหัวเรือเข้าชนเรือพลายบัวถูกที่ดาดฟ้าชั้นกลาง ตอนห้องเครื่องทางแคมซ้าย แล้วเรือจำเลยก็หักหัวเรือออก เอาท้ายเรือปัดมาถูกตอนท้ายเรือโจทย์อิก เรือโจทย์เลยล่มจมทันที โจทย์ได้รับความเสียหายรวมเปนเงิน ๘๗๙ บาท ๔๐ สตางค์ จึงพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทย์เปนเงิน ๘๗๙ บาท ๔๐ สตางค์
จำเลยทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกา โดยมีเนติบัณฑิตสยาม ๒ นายลงชื่อรับรองฎีกา ฯ
กรรมการศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนแลประชุมปฤกษาคดีนี้แล้วเห็นว่าข้อเท็จจริงตามสำนวนเปนอันฟังได้ดังที่ศาลล่างวินิจฉัยมาพยานจำเลยสืบไม่สมข้อต่อสู้ แลไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานโจทย์ได้คดีไม่มีทางจะแก้ไขให้เปนไปอย่างอื่น ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้นให้ยกเสีย คงพิพากษายืนตามคำตัดสินศาลล่าง แลให้จำเลยเสียค่าทนายในชั้นฎีกาแทนโจทย์เปนเงิน ๕๐ บาทอิกด้วย ฯ
วันที่ ๒๑ กรกฎาคม พระพุทธศักราช ๒๔๖๓

Share