แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ย่อยาว
คดีนี้โจทย์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๖๒ โจทย์ได้ฟ้องเรียกทรัพย์จากนางสีต่อศาลต่างประเทศกรงุเทพ ฯ แลได้ยื่นคำร้องว่านางสีไม่ได้เปนภรรยานายอับอุลราฮิมบิดาโจทย์โดยถูกต้อง ไม่สมควรจะจดฐเบียรเปนคนบังคับอังกฤษได้ คดีควรจะต้องพิจารณายังศาลไทธรรมดาตามกฎหมายของบ้านเมือง จำเลยเปนผู้มีน่าที่ทำการแทนอธิบดีผู้พิพากษาศาลต่างประเทศ ได้มีคำสั่งให้ยกคำร้องของโจทย์เสีย จึงเปนเหตุให้กงสุลอังกฤษได้ชองถอนเอาคดีที่โจทย์ฟ้องนางสีไปพิพากษายกฟ้องของโจทย์เสีย กระทำให้โจทย์เสียหายเปนจำนวนไม่น้อยกว่า ๘๔๐๐๐ บาท แลก่อนที่กงสุลอังกฤษขอถอนคดี โจทย์ก็ได้ร้องต่อศาลต่างประเทศแล้วว่า โจทย์ยังจะอุทธรณฎีกาคำสั่งของศาลต่อไปอีก ถึงดังนั้นจำเลยก็ยังส่งคดีของโจทย์ไปให้กงสุลอังกฤษ จึงเปนเหตุให้ศาลฎีกาต้องวินิจฉัยคำร้องของโจทย์ว่าไม่มีคดีแล้ว ฎีกาไม่ได้ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวมาข้างต้น โจทย์ถือว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๑๔๕ – ๑๔๖ ขอให้ศาลลงโทษจำเลย ฯ
ศาลโปริสภาที่ ๑ สั่งฟ้องของโจทย์ว่า ตามข้อความที่มีปรากฎในฟ้องนี้ ไม่มีเหตุผลเค้ามูลแต่อย่างใดว่าจำเลยได้กระทำผิดในทางอาญา เพราะฉนั้นไม่ต้องรับคดีไว้พิจารณาฯ
โจทย์อุทธรณ ฯ
ศาลอุทธรณกรุงเทพ ฯ พิพากษาว่า ตามฟ้องของโจทย์กับฟ้องอุทธรณคำพิพากษาศาลโปริสภาที่ ๑ ก็เปนเครื่องประจักษแจ้งว่า จำเลยผู้กระทำการตามน่าที่ผู้พิพากษาสั่งให้ยกคำร้องของโจทย์เสียนั้นชอบแล้ว แลแสดงความเห็นโดยเลอียดสนับสุนคำสั่งของจำเลยว่าเปนการถูกต้อง เห็นว่าโจทย์ฟ้องจำเลยโดยไม่มีมูลจะฟ้องได้ จึงพิพากษายืนตามคำสั่งศาลโปริสภาที่ ๑ ให้ยกอุทธรณโจทย์เสีย ฯ
โจทย์ทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกา ฯ
กรรมการศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนแลประชุมปฤกษาคดีนี้เห็นว่าคดีไม่มีประเด็นที่จะวินิจฉัยเลยไปถึงว่าจำเลยจะสั่งคำร้องนั้นชอบฤามิชอบ เพราะมิใช่คดีที่โจทย์อุทธรณคำสั่งของจำเลย ๆ เปนผู้พิพากษาได้ออกคำสั่งในน่าที่ผู้พิพากษา เมื่อได้สั่งโดยสุจริตแล้วหาความผิดร้ายเปนส่วยเฉพาะตัวมิได้เลย เรื่องนี้ข้อความที่โจทย์กล่าวมาในฟ้องกับบทกฎหมายที่โจทย์อ้างหาตรงกันไม่ จึงไม่ควรรับฟ้องไว้พิจารณาตามที่ศาลล่างได้บังคับคดีไว้ จึงพิพากษายืนตามศาลล่าง ให้ยกฎีกาโจทย์เสีย ฯ
วันที่ ๗ กรกฎาคม พระพุทธศักราช ๒๔๖๓