แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่าจำเลยมีเฮโรอีนจำนวน 1 ถุง หนัก 347.340 กรัม ซึ่งมีน้ำหนักสารบริสุทธิ์ตั้งแต่ 20 กรัมขึ้นไป ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยมิได้บรรยายฟ้องว่าคำนวณเป็นปริมาณสารบริสุทธิ์ได้ทั้งหมดเท่าใด จึงฟังได้เพียงว่า เฮโรอีนของกลางมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ไม่เกิน 20 กรัม โทษจำคุกต้องด้วย พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 66 วรรคสอง (ที่แก้ไขใหม่) ซึ่งเป็นคุณแก่จำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีเฮโรอีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 1 ถุง หนัก 347.340 กรัม ซึ่งมีน้ำหนักสารบริสุทธิ์ตั้งแต่ 20 กรัม ขึ้นไป ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4 , 7 , 8 , 15 , 66 , 67 , 102 ป.อ. มาตรา 33 , 83 ริบของกลาง
จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ
จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง , 66 วรรคหนึ่ง จำคุกตลอดชีวิต จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน ลดโทษให้ตาม ป.อ. มาตรา 78 ประกอบด้วยมาตรา 53 หนึ่งในสี่ คงจำคุก 37 ปี 6 เดือน จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพ ลดโทษให้ตาม ป.อ. มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 25 ปี ริบของกลาง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
อนึ่ง ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 8 ได้มี พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 มาตรา 8 และมาตรา 19 ยกเลิกความในมาตรา 15 และมาตรา 66 แห่ง พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 และให้ใช้ข้อความใหม่แทน โดยในความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายนั้น มาตรา 15 วรรคสาม (3) ที่แก้ไขใหม่ แตกต่างจากกฎหมายเดิมในมาตรา 15 วรรคสอง เงื่อนไขที่เป็นองค์ประกอบความผิดดังกล่าวตามกฎหมายเดิมเป็นคุณมากกว่ากฎหมายที่แก้ไขใหม่ จึงต้องใช้กฎหมายเดิมในส่วนที่เป็นบทความผิดบังคับ สำหรับคดีนี้เฮโรอีนที่จำเลยทั้งสองร่วมกันมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่ามีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ตั้งแต่ 20 กรัม ขึ้นไป โดยมิได้บรรยายฟ้องว่าคำนวณเป็นปริมาณสารบริสุทธิ์ได้ทั้งหมดเท่าใด จึงฟังได้เพียงว่าเฮโรอีนของกลางมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ ไม่เกิน 20 กรัม กรณีโทษจำคุกจึงต้องด้วยมาตรา 66 วรรคสอง ตามกฎหมายที่แก้ไขใหม่ซึ่งเป็นคุณมากกว่า ดังนั้น จึงต้องใช้กฎหมายที่แก้ไขใหม่ในส่วนที่เป็นคุณบังคับแก่จำเลยทั้งสองตาม ป.อ. มาตรา 3 ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้คดีสำหรับจำเลยที่ 1 จะยุติ แต่คดีนี้ยังไม่ถึงที่สุดศาลฎีกาจึงมีอำนาจยกขึ้นอ้างและแก้ไข โดยปรับบทกฎหมายให้ถูกต้องได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม) , 66 วรรคสอง (ที่แก้ไขใหม่) ป.อ. มาตรา 83 สำหรับโทษและนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8.