แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยไม่อาจยื่นคำขอพิจารณาคดีใหม่ต่อศาลภายในกำหนดสิบห้าวันนับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับตาม คำพิพากษา เพราะจำเลยไปประกอบอาชีพที่จังหวัดลำปาง โดยจำเลยได้ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายในสิบห้าวัน นับจากจำเลยทราบประกาศการขายทอดตลาดทรัพย์ ซึ่งเป็นวันที่ถือว่าพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้สิ้นสุดลง ก็ตาม แต่การยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยดังกล่าวได้ล่วงพ้นกำหนดหกเดือนนับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์ ของจำเลยแล้ว ซึ่งกำหนดระยะเวลาดังกล่าวหาใช่หกเดือนนับแต่ทราบว่าถูกฟ้องดังที่จำเลยฎีกาไม่ เมื่อจำเลยมิได้ ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายในกำหนดระยะเวลาตามกฎหมาย จำเลยจึงไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่ได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงิน 2,740,625.37 บาท และบังคับจำนอง จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีโจทก์ไปฝ่ายเดียวแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์ตามฟ้อง
จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ว่า จำเลยไม่เคยทราบเรื่องที่โจทก์ฟ้องเพราะจำเลยไปประกอบอาชีพอยู่ที่จังหวัดลำปางนานแล้ว และเมื่อประมาณเดือนธันวาคม 2542 ก็ได้ย้ายไปอยู่ที่จังหวัดนนทบุรี จำเลยเพิ่งทราบว่าถูกฟ้องเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2543 จำเลยเป็นหนี้โจทก์เพียง 1,300,000 บาท เท่านั้น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยทราบว่าถูกโจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2543 อันถือว่าพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ได้สิ้นสุดลง จำเลยต้องยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายในวันที่ 28 มกราคม 2543 และไม่ว่ากรณีจะเป็นประการใดก็ตามจำเลยจะต้องยื่นคำขออย่างช้าที่สุดจะต้องไม่เกินระยะเวลา 6 เดือน นับแต่วันที่มีการยึดทรัพย์ จำเลยไม่ยื่นภายในกำหนดดังกล่าวจึงเป็นการไม่ชอบ ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยได้ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายในกำหนดระยะเวลาตามกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 เดิม ได้กำหนดระยะเวลาในการขอให้พิจารณาใหม่ไว้เป็นลำดับดังนี้ ในลำดับแรกจะต้องยื่นคำขอต่อศาลภายในกำหนดสิบห้าวันนับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งให้แก่จำเลย แต่ถ้าศาลได้กำหนดการอย่างใด ๆ เพื่อสั่งคำบังคับเช่นว่านี้โดยวิธีสั่งหมายธรรมดาหรือโดยวิธีอื่นแทนจะต้องได้มีการปฏิบัติตามคำกำหนดนั้นแล้ว ลำดับที่สองถ้าคู่ความที่ขาดนัดไม่สามารถยื่นคำขอภายในระยะเวลาดังกล่าวได้โดยพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ คู่ความฝ่ายนั้นอาจยื่น คำขอให้พิจารณาใหม่ได้ภายในกำหนดสิบห้าวันแต่วันที่พฤติการณ์นั้นได้สิ้นสุดลงลำดับที่สาม กรณีจะเป็นอย่างไร ก็ตาม ห้ามมิให้ยื่นคำขอเช่นว่านี้เมื่อพ้นกำหนดหกเดือนนับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์หรือได้มีการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งโดยวิธีอื่น ดังนั้น แม้จะได้ความตามข้อกล่าวอ้างของจำเลยว่า จำเลยไม่อาจยื่นคำขอต่อศาลภายในกำหนดสิบห้าวันนับจากวันที่ได้สั่งคำบังคับตามคำพิพากษา เพราะจำเลยไปประกอบอาชีพที่จังหวัดลำปาง และจำเลยก็ได้ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2543 อันเป็นกำหนดระยะเวลาภายในสิบห้าวันนับจากจำเลยทราบประกาศการขายทอดตลาดทรัพย์เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2543 ซึ่งเป็นวันที่ถือว่าพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้สิ้นสุดลงก็ตาม แต่การยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยดังกล่าวได้ล่วงพ้นกำหนดหกเดือนนับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์ของจำเลยเมื่อ 30 พฤศจิกายน 2541 แล้ว ซึ่งกำหนดระยะเวลาดังกล่าวหาใช่หกเดือนนับแต่ทราบว่าถูกฟ้อง ดังที่จำเลยฎีกาไม่ เมื่อจำเลยมิได้ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายในกำหนดระยะเวลาตามกฎหมาย จำเลยจึงไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่ได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้น ชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ