คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1074/2546

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ปัญหาว่าการที่จำเลยส่งมอบข้าวสารไม่ได้เป็นเหตุสุดวิสัยหรือไม่ จำเลยเป็นผู้กล่าวอ้างภาระการพิสูจน์ในประเด็นนี้จึงตกแก่จำเลย
การที่โจทก์ส่งมอบข้าวเปลือกของโจทก์ให้จำเลยสีเป็นข้าวสาร แล้วส่งคืนข้าวสารแก่โจทก์ โดยโจทก์ให้ค่าตอบแทนแก่จำเลยเป็นปลายข้าวและรำข้าวถือเป็นสัญญาต่างตอบแทนอย่างหนึ่งซึ่งจำเลยมีหน้าที่ตามสัญญาที่จะต้องนำข้าวเปลือกจำนวนที่ได้รับมอบจากโจทก์อันกำหนดไว้แน่นอนมาดำเนินการสีเป็นข้าวสารแล้วส่งมอบให้แก่โจทก์
ขณะไฟไหม้โรงสีมีแต่ข้าวสารที่จะต้องส่งมอบให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นทรัพย์เฉพาะสิ่งแล้ว การที่จำเลยไม่สามารถส่งมอบข้าวสารให้แก่โจทก์ได้เนื่องจากมาจากไฟไหม้โรงสีของจำเลยทำให้ข้าวสารเสียหายทั้งเหตุที่ไฟไหม้ไม่ปรากฏว่าเกิดจากการกระทำของผู้ใด จึงถือไม่ได้ว่าเหตุที่เกิดไฟไหม้เนื่องมาจากพฤติการณ์ที่จำเลยต้องรับผิดชอบ ดังนั้นการชำระหนี้ด้วยการส่งมอบข้าวสารจึงกลายเป็นพ้นวิสัยเพราะพฤติการณ์ที่ลูกหนี้ไม่ต้องรับผิด ตามมาตรา 219 วรรคหนึ่ง แห่ง ป.พ.พ.
ตามทางนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฏว่า เมื่อจำเลยสีข้าวเปลือกแล้วต้องส่งมอบข้าวสารแก่โจทก์เมื่อใด ทั้งไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ทวงถามให้จำเลยส่งมอบข้าวสารที่สีเสร็จแล้วแก่โจทก์ด้วย ทั้งได้ความจากคำเบิกความของจำเลยว่าในการส่งข้าวสารคืนโจทก์นั้นต้องรอคำสั่งจากโจทก์ว่าจะให้ส่งไปจำนวนเท่าใด เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้เรียกให้จำเลยส่งมอบข้าวสารแก่โจทก์ จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยผิดนัดในการส่งมอบข้าวสารแก่โจทก์ อันจะต้องรับผิดตาม ป.พ.พ. มาตรา 217

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 243,944.62 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 222,421 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ต้องรับผิดเพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นเหตุสุดวิสัยไม่สามารถป้องกันได้ โจทก์ไม่เคยบอกกล่าวให้จำเลยคืนข้าวสาร ความเสียหายที่โจทก์ได้รับไม่เกิน 20,000 บาท ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลย โดยกำหนดค่าทนายความ 2,000 บาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า โจทก์ว่าจ้างจำเลยสีข้าวเปลือกเป็นข้าวสารโดยให้โจทก์ใช้ค่าตอบแทนเป็นปลายข้าวและรำข้าวเมื่อสีข้าวเสร็จแล้ว จำเลยจะเก็บข้าวสารไว้ที่โรงสีของจำเลยและทยอยส่งให้แก่โจทก์ตามเวลาที่โจทก์กำหนด ระหว่างวันที่ 22 มกราคม ถึงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2541 โจทก์ส่งมอบข้าวเปลือกแก่จำเลยรวมจำนวน 94,987 กิโลกรัม จำเลยสีข้าวสารและส่งมอบให้แก่โจทก์แล้ว หนัก 11,200 กิโลกรัม ต่อมาเกิดไฟไหม้โรงสีข้าวของจำเลย หลังจากนั้นจำเลยส่งมอบข้าวสารที่เหลือจากไฟไหม้ให้แก่โจทก์อีกคิดเป็นเงิน 73,275 บาท ยังเหลือข้าวสารที่จำเลยไม่ส่งมอบแก่โจทก์คิดเป็นเงิน 222,461 บาท มีปัญหาต้องวินิจฉัยในชั้นฎีกา ประการแรกว่า การที่จำเลยส่งมอบข้าวสารไม่ได้เป็นเหตุสุดวิสัยซึ่งจำเลยไม่ต้องรับผิดหรือไม่ ในประเด็นนี้จำเลยกล่าวอ้างว่า การที่จำเลยส่งมอบข้าวสารไม่ได้เป็นเหตุสุดวิสัย ดังนั้นภาระการพิสูจน์ในปัญหานี้จึงตกแก่จำเลย โดยจำเลยอ้างตนเองเป็นพยานเบิกความว่า เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2541 เวลา 22 นาฬิกา ขณะที่จำเลยกำลังนอนหลับอยู่ที่บ้านได้เกิดไฟไหม้โรงสีจนกระทั่งเวลา 2 นาฬิกาของวันรุ่งขึ้นไฟจึงสงบ เจ้าพนักงานตำรวจบอกจำเลยว่ากรณีไฟไหม้โรงสีของจำเลยนั้นหาตัวผู้กระทำผิดไม่ได้ ขณะเกิดไฟไหม้โรงสีไม่มีข้าวเปลือกคงมีแต่ข้าวสาร การที่โจทก์ ส่งมอบข้าวเปลือกของโจทก์ให้จำเลยสีเป็นข้าวสารแล้วส่งคืนข้าวสารแก่โจทก์ โดยโจทก์ให้ค่าตอบแทนแก่จำเลยเป็นปลายข้าวและรำข้าวถือเป็นสัญญาต่างตอบแทนอย่างหนึ่ง ซึ่งจำเลยมีหน้าที่ตามสัญญาที่จะต้องนำข้าวเปลือกจำนวนที่ได้รับมอบจากโจทก์อันกำหนดเอาไว้แน่นอนมาดำเนินการสีเป็นข้าวสารแล้วส่งมอบให้แก่โจทก์ เมื่อขณะที่ไฟไหม้โรงสีไม่มีข้าวเปลือกแล้วมีแต่ข้าวสาร ดังนี้แสดงว่าข้าวสารที่จำเลยจะต้องส่งมอบแก่โจทก์นั้นเป็นทรัพย์เฉพาะสิ่งแล้ว เมื่อการที่จำเลยไม่สามารถส่งมอบข้าวสารดังกล่าวให้แก่โจทก์ได้เป็นเหตุเนื่องมาจากไฟไหม้โรงสีของจำเลยทำให้ข้าวสารดังกล่าวเสียหาย ทั้งเหตุที่ไฟไหม้ดังกล่าวนั้นได้ความจากคำเบิกความของจำเลยประกอบกับรายงานการ สอบสวนว่า ไม่ปรากฏว่าเกิดจากการกระทำของผู้ใด และเจ้าพนักงานตำรวจไม่พบร่องรอยหรือหลักฐานที่ทำให้เกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้แต่อย่างใด จึงถือไม่ได้ว่าเหตุที่เกิดไฟไหม้โรงสีนั้นเนื่องมาจากพฤติการณ์ที่จำเลยต้องรับผิดชอบ ดังนั้น การชำระหนี้ของจำเลยด้วยการส่งมอบข้าวสารแก่โจทก์นั้นย่อมกลายเป็นพ้นวิสัยเพราะพฤติการณ์ซึ่งลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดชอบตามบทบัญญัติมาตรา 219 วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยประการต่อไปมีว่า จำเลยผิดนัดในการส่งมอบข้าวสารและจะต้องรับผิดชอบแม้การชำระหนี้จะกลายเป็นพ้นวิสัยด้วยหรือไม่ โจทก์อ้างว่าในการส่งข้าวเปลือกไปให้จำเลยนั้นจะทยอยส่งเป็นงวด โดยกำหนดให้จำเลยสีข้าวเปลือกให้เสร็จแล้วตามระยะเวลา แต่ตามทางนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฏว่าเมื่อจำเลยสีข้าวเปลือกเสร็จแล้วจะต้องส่งมอบข้าวสารแก่โจทก์เมื่อใด และทั้งไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ทวงถามให้จำเลยส่งมอบข้าวสารที่สีเสร็จแก่โจทก์เลยด้วย และกลับได้ ความจากคำเบิกความของจำเลยว่า ในการส่งข้าวสารคืนโจทก์นั้นต้องรอคำสั่งจากโจทก์ว่าจะให้ส่งไปจำนวนเท่าใด เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่า โจทก์ได้เรียกให้จำเลยส่งมอบข้าวสารแก่โจทก์แล้ว จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยผิดนัดในการ ส่งมอบข้าวสารแก่โจทก์อันจะต้องรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 217 จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามฟ้อง ศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้โจทก์ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 1,500 บาท แทนจำเลย.

Share